ทำฟัน จัดฟัน นัดปรึกษาฟรี : @iDentistClinic

รีเทนเนอร์

Retainer

เลือกหัวข้อรีเทนเนอร์

iDentist Dental Clinic

รีเทนเนอร์ (Retainer)

“รีเทนเนอร์” คืออะไร

Retainer รีเทนเนอร์ คือเครื่องมือคงสภาพฟันแบบถอดได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันที่จัดไว้เคลื่อนกลับคืนตำแหน่งเดิมหลังจัดฟัน หลังจากจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะทำการถอดเครื่องมือจัดฟันออกและทำการพิมพ์ฟันเพื่อไปทำโมเดล์ฟันเพื่อผลิตรีเทนเนอร์ต่อไปให้คนไข้

รีเทนเนอร์ หลากสีหลายแบบทำด้วยวัสดุเกรดพรีเมี่ยม

ขั้นตอนการทำรีเทนเนอร์

รีเทนเนอร์แบบโลหะ ใส่ทานอาหารได้

รีเทนเนอร์แบบโลหะ ตัวช่วยสำคัญหลังการจัดฟัน

การจัดฟันเป็นกระบวนการที่ช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันให้เป็นระเบียบ แต่หลังจากที่ฟันถูกจัดให้เข้าที่แล้ว ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้กันคือการใส่รีเทนเนอร์ (Retainer) เพื่อคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งใหม่ที่เหมาะสมที่สุด รีเทนเนอร์แบบโลหะเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่ถูกใช้งานมายาวนาน ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานและใช้งานได้หลากหลาย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับรีเทนเนอร์แบบโลหะให้ละเอียดที่สุด ทั้งข้อดี ข้อเสีย การดูแลรักษา และเคล็ดลับการใช้งาน

รีเทนเนอร์แบบโลหะคืออะไร?

รีเทนเนอร์แบบโลหะเป็นอุปกรณ์คงสภาพฟันที่ทำจากลวดโลหะและแผ่นอะคริลิกที่ออกแบบเฉพาะบุคคล โดยลวดโลหะจะช่วยยึดฟันให้อยู่ในตำแหน่งเดิมหลังการจัดฟัน ในขณะที่แผ่นอะคริลิกจะทำหน้าที่เป็นฐานที่ยึดลวดโลหะให้มั่นคง รีเทนเนอร์ประเภทนี้เหมาะกับผู้ที่เพิ่งถอดเหล็กดัดฟันใหม่ๆ เพราะสามารถควบคุมการเคลื่อนตัวของฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ


รีเทนเนอร์แบบลวด

ถ้าเพิ่งจัดฟันเสร็จแล้วหมอแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์ หลายคนอาจสงสัยว่าจะเลือกแบบไหนดี วันนี้มาคุยกันแบบบ้านๆ เกี่ยวกับรีเทนเนอร์ลวด รุ่นยอดฮิตที่หลายคนใช้กัน ว่ามันเป็นยังไง ใช้งานยังไง แล้วเหมาะกับใคร

รีเทนเนอร์ลวดคืออะไร ใช้แล้วดียังไง

รีเทนเนอร์ลวดทำจากอะคริลิคกับลวดโลหะ ส่วนอะคริลิคที่อยู่ติดกับเพดานปากหรือลิ้นสามารถเลือกสีสันเองได้ อยากได้สีไหน ลายอะไร เลือกได้ตามใจชอบ จะใสๆ เรียบๆ หรือมีลายก็น่ารักไปอีกแบบ

ข้อดีของมันคือแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน ถอดเข้าออกได้ง่าย แถมยังช่วยให้ฟันคงรูปสวยเหมือนตอนเพิ่งถอดเหล็กดัดใหม่ๆ เหมาะกับคนที่อยากให้ฟันอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ขยับผิดรูปไปจากเดิม

ทำความสะอาดง่าย ไม่ยุ่งยาก

บางคนกลัวว่าใส่รีเทนเนอร์แล้วจะทำความสะอาดยาก จริงๆ แล้วง่ายมาก เพราะมันถอดได้ แค่ใช้แปรงสีฟันขัดเบาๆ หรือจะเอาไปแช่น้ำผสมเม็ดฟู่ทำความสะอาดก็ได้ หลังจากนั้นผึ่งให้แห้งแล้วเก็บเข้ากล่อง ไม่ต้องยุ่งยากอะไรเลย

ใส่ตอนนอน ดีต่อฟันสุดๆ

หลายคนอาจจะเผลอขี้เกียจใส่ตอนกลางวัน แต่ถ้าใส่ตอนนอนก็ช่วยได้เยอะ เพราะช่วงหลับฟันจะสบกันตลอด รีเทนเนอร์ลวดช่วยให้ฟันไม่ขยับผิดรูป แถมยังช่วยลดปัญหาฟันเคลื่อนที่เกิดจากแรงกดเวลานอนได้อีก

ลวดด้านหน้าช่วยปรับฟันเล็กๆ น้อยๆ ได้

สำหรับคนที่มีปัญหาฟันขยับเล็กน้อย รีเทนเนอร์ลวดสามารถช่วยปรับแก้ได้นิดหน่อย เพราะตัวลวดสามารถขยับ และดัดได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าฟันเคลื่อนเยอะมากๆ อาจต้องปรึกษาหมอฟันเพิ่มเติม

 

โดยรวมแล้ว รีเทนเนอร์ลวดเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากให้ฟันอยู่ในตำแหน่งสวยเหมือนตอนถอดเหล็กใหม่ๆ ใช้งานง่าย ทำความสะอาดไม่ยุ่งยาก ถ้าเพิ่งจัดฟันเสร็จแล้วกำลังลังเลว่าจะใช้แบบไหนดี ลองดูรีเทนเนอร์ลวดเป็นตัวเลือก รับรองว่าไม่ผิดหวัง

รีเทนเนอร์แบบลวดมีท่อสี

รีเทนเนอร์แฟชั่น ใส่แล้วดูดี แถมช่วยจัดฟันให้อยู่ตัว ถ้าพูดถึงรีเทนเนอร์ เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงแบบที่เป็นอะคริลิคสีๆ หรือมีลวดลายสวยๆ ตรงเพดานปาก แล้วก็มีลวดดัดฟันเป็นตัวช่วยยึดฟันให้อยู่กับที่ อันนี้แหละที่หลายคนชอบใส่กันหลังจากจัดฟันเสร็จแล้ว

รีเทนเนอร์แบบนี้นอกจากจะช่วยให้ฟันไม่ล้ม ยังมีลูกเล่นให้เลือกเยอะ ใครชอบสีใสก็ดูเนียนไปกับฟัน หรือถ้าใครชอบแนวแฟชั่นหน่อยก็มีสีสันให้เลือกเพียบ อยากได้ลายการ์ตูน ลายเกล็ดน้ำแข็ง หรือแบบสีเจ็บๆ ก็จัดไปตามใจชอบ บางคนใส่แล้วกลายเป็นเครื่องประดับไปเลย

 

ที่สำคัญ รีเทนเนอร์แบบนี้ดูแลไม่ยาก แค่ถอดออกมาทำความสะอาดทุกวันก็พอ ถ้าใครกำลังมองหาตัวช่วยให้ฟันอยู่กับที่หลังจัดเสร็จ แถมเพิ่มความเก๋ไปอีกระดับ แบบนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลย

รีเทนเนอร์แบบใส

รีเทนเนอร์ใสมีลักษณะที่ดูเป็นธรรมชาติและสามารถล็อกฟันได้ทุกตำแหน่งเพื่อคงรูปร่างของฟันไว้ได้ดีกว่าแบบลวด แต่หากไม่สวมใส่ทุกวัน ฟันอาจจะเริ่มขยับเปลี่ยนตำแหน่ง ทำให้การใส่รีเทนเนอร์กลับไปไม่ได้ดังเดิม ซึ่งอาจต้องเสียเงินและเวลาในการทำใหม่ เนื่องจากไม่สามารถปรับแก้ได้เหมือนแบบลวด การทำความสะอาดรีเทนเนอร์ใสก็ยากกว่าแบบลวดและมีโอกาสแตกได้หากตกหล่น

วัสดุของรีเทนเนอร์แบบใสทำมาจากพลาสติก ใส่หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันในช่วง 6 เดือนแรกต้องใส่ตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการกินหรือดื่มเครื่องดื่มร้อน ส่วนในช่วง 6 เดือนหลังสามารถใส่เฉพาะตอนนอนได้ โดยรีเทนเนอร์แบบใสจะใช้งานได้ประมาณ 1-2 ปี

รีเทนเนอร์เป็นตัวช่วยสำคัญหลังการจัดฟัน

การรักษาสภาพฟันหลังการจัดฟันเป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้การจัดฟันเอง และรีเทนเนอร์ (Retainer) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยคงสภาพฟันให้เข้าที่ รีเทนเนอร์แบบโลหะมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักรีเทนเนอร์แบบโลหะทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ รีเทนเนอร์แบบอะคริลิกครึ่งโลหะ, โลหะล้วน, และโลหะใส่เชนได้ พร้อมทั้งรายละเอียดและข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบ

1. รีเทนเนอร์แบบอะคริลิกครึ่งโลหะ

Smart Metal Retainer *SMR. คุณสมบัติ

รีเทนเนอร์
  • บางสบายขึ้น โลหะตรงกลางบาง 0.5 mm.
  • หากชำรุดสามารถซ่อมโดยใช้โครงเดิมได้
  • สีสันสวยงามพร้อมความแข็งแรง
  • มีสีให้เลือกได้หลากหลายสิ
  • ดูดีมีสไตล์ไม่ซ้ำใคร

All Metal Retainer*AMR. คุณสมบัติ

รีเทนเนอร์
  • ป้องกันการตกกระแทกแตกหัก
  • เรียบหรูดูมีสไตล์ สวยล้าน่าสมัย
  • ไม่มีปัญหารอยขีดข่วน
  • นํ้าหนักเบาและแข็งแรง
  • บางสบายเพียง 0.5 mm.
  • อายุการใช้งานยาวนาน 3 – 5 ปี
  • รับประทานอาหารออนได
  • แปรงทําความสะอาดไดง่าย

All Metal Retainer Plus *AMR+

รีเทนเนอร์
  • เบาบางสบาย 0.5 mm.และแข็งแรงเหมือน AMR
  • เปลี่ยนสียางเองได้โดยเลือกซื้อที่คลินิก
  • ไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนยางบ่อยเพราะไม่มีผลกับฟัน
  • ทําให้ดูเหมือนจัดฟันอยู่ มีสีสันสวยงามทันสมัย

ข้อดี รีเทนเนอร์แบบอะคริลิกครึ่งโลหะ

  • สะดวกสบาย: แผ่นอะคริลิกให้ความรู้สึกนุ่มนวลและไม่ระคายเคืองต่อเพดานปาก
  • ออกแบบได้หลากหลาย: ผู้ใช้สามารถเลือกสีหรือดีไซน์ได้ตามความชอบ
  • ราคาไม่แพง: รีเทนเนอร์ประเภทนี้มีราคาที่เหมาะสม และซ่อมแซมได้ง่ายหากเกิดความเสียหาย

ข้อเสีย รีเทนเนอร์แบบอะคริลิกครึ่งโลหะ

  • ความทนทานของอะคริลิกต่ำกว่าโลหะ: แผ่นอะคริลิกอาจแตกหรือเสียหายได้หากถูกกระแทกแรง
  • ทำความสะอาดยากกว่า: ส่วนอะคริลิกสามารถสะสมคราบอาหารและแบคทีเรียได้ง่าย

เหมาะสำหรับ​ผู้ที่ต้องการรีเทนเนอร์ที่ใส่สบายและสามารถปรับแต่งรูปลักษณ์ได้

2. รีเทนเนอร์แบบโลหะล้วน

ลักษณะและคุณสมบัติ

รีเทนเนอร์แบบโลหะล้วนทำจากลวดโลหะทั้งหมด ไม่มีส่วนประกอบของอะคริลิก รูปร่างจะเรียบง่าย ประกอบด้วยลวดที่โค้งไปตามแนวฟันและมีโครงสร้างที่มั่นคง

ข้อดี

  • ความทนทานสูง: ลวดโลหะมีความแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย และสามารถใช้งานได้ยาวนาน
  • น้ำหนักเบา: เนื่องจากไม่มีส่วนอะคริลิก รีเทนเนอร์ประเภทนี้จึงเบาและไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
  • ทำความสะอาดง่าย: ไม่มีส่วนที่ซับซ้อนในการทำความสะอาด

ข้อเสีย

  • ขาดความสวยงาม: ลวดโลหะที่เห็นได้ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้งานบางคนรู้สึกไม่มั่นใจ
  • การปรับแต่งทำได้ยากกว่า: หากเกิดปัญหา อาจต้องเปลี่ยนรีเทนเนอร์ใหม่แทนการซ่อมแซม

เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารีเทนเนอร์ที่แข็งแรงและใช้งานได้ในระยะยาว

3. รีเทนเนอร์แบบโลหะใส่เชนได้

ลักษณะและคุณสมบัติ

รีเทนเนอร์แบบโลหะใส่เชนได้คือรีเทนเนอร์ที่มีโครงโลหะคล้ายกับโลหะล้วน แต่เพิ่มเติมด้วยส่วนที่สามารถติดเชน (Chain) เพื่อช่วยยึดฟันในกรณีที่ยังมีการเคลื่อนตัวเล็กน้อย

ข้อดี

  • ประหยัดเวลา: ลดความจำเป็นในการใส่อุปกรณ์จัดฟันใหม่ หากต้องการปรับฟันเพียงเล็กน้อย
  • แข็งแรงและทนทาน: ลวดโลหะสามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลาย

ข้อเสีย

  • ความซับซ้อนในการดูแลรักษา: การทำความสะอาดรีเทนเนอร์ที่มีเชนอาจยุ่งยากกว่าแบบอื่น
  • น้ำหนักมากกว่า: เชนที่เพิ่มเติมเข้ามาอาจทำให้รู้สึกหนักกว่ารีเทนเนอร์แบบโลหะล้วน

การดูแลรักษารีเทนเนอร์แบบโลหะทั้ง 5 ประเภท

  1. ทำความสะอาดทุกวัน: ใช้น้ำอุ่นและแปรงสีฟันขนนุ่มในการทำความสะอาด และล้างด้วยน้ำยาล้างรีเทนเนอร์ที่เหมาะสม
  2. เก็บในกล่องเสมอ: เพื่อป้องกันการสูญหายและป้องกันสิ่งสกปรก
  3. หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือเหนียว: เพื่อป้องกันการเสียรูปหรือความเสียหาย
  4. พบทันตแพทย์ตามนัด: ตรวจสอบสภาพฟันและรีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอ

รีเทนเนอร์แบบโลหะทั้ง 3 ประเภทมีความเหมาะสมที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะการใช้งานของแต่ละคน รีเทนเนอร์แบบอะคริลิกครึ่งโลหะให้ความสบายและปรับแต่งได้ดี, แบบโลหะล้วนมีความแข็งแรงและดูแลรักษาง่าย, ส่วนแบบโลหะใส่เชนได้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการปรับตำแหน่ง

🔥 #รีเทนเนอร์แบบติดแบล็คเก็ต คู่ละ 5,999 บาท จาก 8,000 บาท ( ฟรี #พิมพ์ปาก + #โอริง #เชน 3 สี )

🔥 #รีเทนเนอร์แบบใส 999 บาท ต่อชิ้น (+ค่าพิมพ์ปาก)

🔥 #รีเทนเนอร์แบบลวดมีท่อสี คู่ละ 2,999 บาท (ฟรีพิมพ์ปาก)

🔥 #ถอดเครื่องมือจัดฟัน  เหลือ 1,500 บาท  (รับส่วนลดร่วมทำรีเทนเนอร์ 500 บาท จาก 2,000)

รีเทนเนอร์ใส VS รีเทนเนอร์แบบลวด

ข้อดีของรีเทนเนอร์แบบใส

  • สวยงามและไม่เห็นเหล็กในปาก ทำให้ผู้ใส่รู้สึกมั่นใจในการยิ้มและพูด

ข้อเสียของรีเทนเนอร์แบบใส

  • ความทนทานต่ำกว่าแบบลวด และอาจขาดหรือฉีกขาดง่ายกว่า
  • มีโอกาสที่น้ำจะค้างในรีเทนเนอร์ ทำให้รู้สึกไม่สบายเวลาใช้งาน

รีเทนเนอร์แบบใสเหมาะสำหรับใคร?
เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสวยงามและมั่นใจในการพูดหรือยิ้มต่อหน้าคนอื่น การดูแลรักษารีเทนเนอร์แบบใสควรทำความสะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง เก็บในกล่องพลาสติกที่สะอาด ไม่ควรห่อด้วยผ้าหรือทิชชู เพราะอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียรูปและสกปรกได้

รีเทนเนอร์แบบลวด

รีเทนเนอร์แบบลวดสามารถเลือกสีหุ้มลวดด้านหน้าได้ตามความชอบ หรือไม่หุ้มก็ได้เช่นกัน โดยมีความทนทานมากกว่าแบบใส และทำความสะอาดได้ง่ายกว่า หากรีเทนเนอร์หลวมไม่กระชับ หรือแน่นเกินไป ทันตแพทย์สามารถปรับแก้ไขได้โดยไม่ต้องทำใหม่เหมือนรีเทนเนอร์ใส

วัสดุของรีเทนเนอร์แบบลวดทำจากอคริลิกที่พอดีกับเพดานปาก ส่วนด้านหน้าเป็นลวดโลหะที่ช่วยครอบฟันเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ โดยควรใส่ตลอดเวลาและถอดออกตอนรับประทานอาหาร ระยะเวลาในการใส่ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์

ข้อดีของรีเทนเนอร์แบบลวด

  • ทนทานกว่าไม่เปราะบางง่ายเหมือนรีเทนเนอร์ใส และไม่มีปัญหาน้ำลายขัง ทำให้ใส่แล้วรู้สึกสบาย

ข้อเสียของรีเทนเนอร์แบบลวด

  • อาจทำให้ผู้ใส่รู้สึกไม่มั่นใจเวลาพูดหรือยิ้ม เพราะสามารถเห็นลวดในปาก
  • บางครั้งลวดอาจไปเสียดสีกับเหงือกและกระพุ้งแก้ม ทำให้เกิดการระคายเคือง

รีเทนเนอร์แบบลวดเหมาะสำหรับใคร?

เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีความระมัดระวังในการดูแลรักษารีเทนเนอร์ และต้องการวัสดุที่มีความทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน

เหตุผลที่ต้องใส่รีเทนเนอร์หลังจัดฟัน

การจัดฟันเป็นกระบวนการที่ช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน แต่หลังจากนั้นก็ยังมีขั้นตอนที่สำคัญคือการใส่รีเทนเนอร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปที่เดิมหรือเกิดการผิดรูปอีกครั้ง หลังการจัดฟันในช่วงแรกควรสวมรีเทนเนอร์ตลอดทั้งวัน โดยจะถอดออกเฉพาะในเวลาทานอาหารและแปรงฟัน ระยะเวลาในการใส่รีเทนเนอร์จะขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์

ประโยชน์หลักของรีเทนเนอร์

การใส่รีเทนเนอร์ช่วยให้ฟันคงความเรียงตัวที่ดีและยังสามารถแก้ปัญหาบางอย่างในช่องปากได้ ดังนี้:

  1. ฟันห่าง: หากมีช่องว่างระหว่างฟันเล็กน้อย การใช้รีเทนเนอร์จะช่วยให้ฟันเคลื่อนที่เข้าหากัน โดยไม่ต้องจัดฟันซ้ำ
  2. ลิ้นยื่น: สำหรับผู้ที่มีปัญหาลิ้นยื่นออกจากช่องปากบ่อยๆ การใส่รีเทนเนอร์จะช่วยให้ลิ้นสัมผัสเพดานปากในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ลื่นไหลออกมา
  3. ขากรรไกรผิดปกติ: การใส่รีเทนเนอร์จะช่วยปรับขากรรไกรที่มีปัญหาให้ฟันสบกันอย่างถูกต้อง ซึ่งจะลดอาการปวดขากรรไกรและอาการปวดหัวจากการนอนกัดฟัน

การใส่รีเทนเนอร์จึงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาผลลัพธ์จากการจัดฟันและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

เคล็ดลับการดูแลรีเทนเนอร์อย่างถูกวิธี

การสวมรีเทนเนอร์ทั้งวันอาจทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งถ้าไม่ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะทำให้รีเทนเนอร์เปลี่ยนสีแล้ว ยังอาจเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเชื้อราที่สามารถลุกลามไปยังช่องปากของเราได้ ดังนั้นการดูแลรักษารีเทนเนอร์ให้สะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

สำหรับวิธีการทำความสะอาดรีเทนเนอร์ ทั้งแบบใสและแบบมีลวดสามารถทำได้ดังนี้:

  1. ล้างทันทีหลังถอด: หลังจากที่ถอดรีเทนเนอร์ออกจากปาก ควรล้างให้สะอาดทันทีเพื่อล้างคราบสกปรกออก หากปล่อยให้คราบสะสมจะทำให้การทำความสะอาดยากขึ้นในภายหลัง
  2. ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม: ใช้น้ำอุ่นผสมกับยาสีฟันหรือแม้แต่น้ำยาล้างจานก็ได้ หลังจากนั้นใช้แปรงสีฟันขนนุ่มทำความสะอาดรีเทนเนอร์ทุกซอกมุมให้หมดจด เพื่อไม่ให้มีสิ่งสกปรกเหลืออยู่
  3. ทำความสะอาดจุดยาก: สำหรับร่องหรือจุดที่เข้าถึงยาก ควรใช้ก้านสำลีชุบน้ำแล้วเช็ดทำความสะอาดเบาๆ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกในจุดเหล่านั้น
  4. ปรึกษาทันตแพทย์ก่อนการแช่: หากต้องการใช้วิธีแช่ในน้ำยาทำความสะอาด เช่น น้ำยาบ้วนปากหรือน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอม ควรขอคำแนะนำจากทันตแพทย์เพื่อความปลอดภัย
  5. การทำความสะอาดคราบฝังแน่น: หากรีเทนเนอร์มีคราบฝังแน่นไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยวิธีธรรมดา ควรปรึกษาทันตแพทย์ เพราะเขาจะใช้สารละลายพิเศษในการทำความสะอาด
  6. สำหรับรีเทนเนอร์แบบถาวร: สำหรับรีเทนเนอร์ที่ยึดติดฟันแบบถาวร การทำความสะอาดไม่สามารถทำได้ด้วยการถอดออกมา ควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดระหว่างฟันและรีเทนเนอร์ โดยการดึงไหมขึ้นลงเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่ติดตามซอกฟัน
  7. เก็บให้ถูกวิธี: หลังจากทำความสะอาดรีเทนเนอร์เสร็จแล้ว ควรเก็บในกล่องรีเทนเนอร์ที่สะอาด หลีกเลี่ยงการห่อด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชู เพื่อป้องกันความชื้น และหากสวมใส่แล้วรู้สึกระคายเคืองที่เหงือกหรือฟัน ควรปรึกษาทันตแพทย์ทันทีเพื่อหาสาเหตุและรักษาได้อย่างถูกต้อง

การดูแลรีเทนเนอร์ให้สะอาดไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังช่วยรักษาสุขภาพช่องปากของคุณให้ดีอยู่เสมอ

เคล็ดลับการใช้รีเทนเนอร์

การใช้รีเทนเนอร์เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาผลลัพธ์หลังการจัดฟัน เพื่อให้ฟันของคุณคงรูปและเรียงตัวอย่างสวยงาม การดูแลและทำความสะอาดรีเทนเนอร์อย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้คือวิธีการที่แนะนำสำหรับการดูแลรีเทนเนอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด:

  1. เก็บรีเทนเนอร์ในที่ที่เหมาะสม
    หลังจากทำความสะอาดรีเทนเนอร์แล้ว ควรเก็บไว้ในกล่องที่จัดไว้ให้ หลีกเลี่ยงการวางใกล้แหล่งความร้อน เช่น เตาแก๊ส หรือเครื่องเป่าผม เพราะความร้อนอาจทำให้รีเทนเนอร์ผิดรูปได้
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนในการทำความสะอาด
    การใช้น้ำร้อนทำความสะอาดอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียหายได้ ควรใช้แค่น้ำอุ่นเพื่อรักษาความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งาน
  3. ไม่ใช้สารเคมีหรือยากลบกลิ่น
    การใช้ยากลบกลิ่นหรือสารทำความสะอาดฟันปลอมอาจมีสารเคมีที่เข้มข้น ซึ่งหากใช้อย่างไม่ถูกต้องอาจทำให้รีเทนเนอร์เกิดการเสื่อมสภาพได้ ควรเจือจางด้วยน้ำอุ่นหากต้องการใช้ และไม่ควรแช่ไว้เป็นเวลานานเกินไป
  4. ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี
    ควรทำความสะอาดรีเทนเนอร์ด้วยน้ำอุ่นผสมสบู่อ่อนๆ จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง ก่อนเก็บในกล่องที่จัดไว้ให้ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและการเสียหาย
  5. หากเกิดความเสียหาย ควรพบทันตแพทย์
    หากรีเทนเนอร์ผิดรูปหรือมีคราบที่ไม่สามารถทำความสะอาดออกได้ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอการเปลี่ยนใหม่ทันที
  6. ทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์
    จำเป็นต้องเปลี่ยนรีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อรักษาความสวยงามและความคงทนของฟันให้ได้ผลดีที่สุด

ผลเสียหากไม่ใส่รีเทนเนอร์

หากคุณไม่ใส่รีเทนเนอร์หลังจากจัดฟันเสร็จ ฟันของคุณอาจกลับไปมีลักษณะเดิม โดยฟันอาจล้มและบิดเบี้ยว ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้คุณต้องเสียเวลาและเงินในการจัดฟันใหม่ แต่ยังอาจทำให้การจัดฟันเป็นเรื่องยากขึ้น หากคุณไม่อยากเสียโอกาสเหล่านี้ ควรใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ทุกวัน และถอดเฉพาะในช่วงรับประทานอาหารเท่านั้น

ข้อปฏิบัติที่สำคัญในการใช้รีเทนเนอร์

เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการจัดฟันคงที่และยาวนาน ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำนี้:

  1. ใส่รีเทนเนอร์ทุกวันตามคำแนะนำ
    การใส่รีเทนเนอร์เป็นประจำทุกวันจะช่วยให้ฟันคงรูปได้อย่างสวยงาม หากละเลยอาจทำให้ฟันกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม และต้องจัดฟันใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
  2. ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ทันทีที่ถอดออก
    หลังจากถอดรีเทนเนอร์ ควรแช่ในน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนเก็บในกล่องรีเทนเนอร์ ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหรือกระดาษทิชชู เนื่องจากอาจทำให้รีเทนเนอร์เกิดความเสียหายได้ง่าย
  3. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาเคมีทำความสะอาด
    การใช้น้ำยาหรือสารเคมีทำความสะอาดอาจทำให้รีเทนเนอร์เสื่อมสภาพได้ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ เพื่อความปลอดภัย
  4. รีเทนเนอร์เสียหายต้องเปลี่ยนทันที
    หากพบว่ารีเทนเนอร์มีความเสียหายหรือไม่ได้รูป ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อขอการเปลี่ยนใหม่ โดยไม่ควรใช้งานต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาตามมา

การดูแลรีเทนเนอร์อย่างดีไม่เพียงแต่จะช่วยให้ฟันคงรูปได้ตามต้องการ แต่ยังยืดอายุการใช้งานของรีเทนเนอร์ให้ยาวนาน ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำนี้อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ข้อควรระวังในการใช้และถอดรีเทนเนอร์

การดูแลรีเทนเนอร์ให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ขณะใส่รีเทนเนอร์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ลิ้นดันหรือเล่นกับรีเทนเนอร์ เพราะอาจทำให้มันหลวมและหลุดออกมาได้ เวลาอยากถอดรีเทนเนอร์ ควรใช้นิ้วเกี่ยวที่ขอบหรือบริเวณลวดของรีเทนเนอร์ ไม่ควรดึงจากส่วนที่อยู่บนฟันหน้า เพราะอาจทำให้ลวดหักได้

เมื่อถอดรีเทนเนอร์ออกแล้ว ควรเก็บในกล่องเก็บที่มีลมระบาย ไม่ควรใช้กระดาษทิชชู่ห่อแล้วทิ้งไว้ข้างๆ เพราะเสี่ยงต่อการลืมและทำให้หายได้ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการนำรีเทนเนอร์ใส่ในกระเป๋าโดยไม่ใส่กล่อง เพราะอาจทำให้รีเทนเนอร์เกิดความเสียหายได้ เช่น หักหรือบิดเบี้ยว

หากรีเทนเนอร์หาย ควรแจ้งแพทย์ทันทีเพื่อให้สามารถทำรีเทนเนอร์ใหม่ได้โดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนที่หรือเกิดปัญหาฟันล้ม

สำหรับผู้ที่จัดฟัน การใช้รีเทนเนอร์เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อรักษาผลลัพธ์ ฟันจะอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ การเลือกใช้รีเทนเนอร์แบบใสหรือแบบลวดนั้น ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความชอบส่วนบุคคล โดยทั้งสองแบบจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอ ควรใส่ทุกวันตลอดเวลาและถอดเฉพาะเวลาทานอาหาร และหมั่นทำความสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดคราบหรือเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้มีกลิ่นปากหรือปัญหาฟันอื่นๆ ได้

รีเทนเนอร์แบบโลหะคืออะไร?

รีเทนเนอร์แบบโลหะเป็นอุปกรณ์คงสภาพฟันที่ทำจากลวดโลหะและแผ่นอะคริลิกที่ออกแบบเฉพาะบุคคล โดยลวดโลหะจะช่วยยึดฟันให้อยู่ในตำแหน่งเดิมหลังการจัดฟัน ในขณะที่แผ่นอะคริลิกจะทำหน้าที่เป็นฐานที่ยึดลวดโลหะให้มั่นคง รีเทนเนอร์ประเภทนี้เหมาะกับผู้ที่เพิ่งถอดเหล็กดัดฟันใหม่ๆ เพราะสามารถควบคุมการเคลื่อนตัวของฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Q & A คำถามที่พบบ่อยๆ ​

รีเทรนเนอร์เป็นอุปกรณ์คงสภาพฟันหลังจากจัดฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนตัวกลับ

มี ประเภทหลักคือ รีเทรนเนอร์แบบลวด (Hawley) และแบบใส (Clear Retainer)

แรกๆ ควรใส่ตลอดเวลา 3-6 เดือน จากนั้นลดลงเป็นเฉพาะตอนนอน

ไม่ควร เพราะอาจทำให้ฟันเคลื่อนที่และต้องจัดฟันใหม่

ลองใส่กลับทันที ถ้าคับหรือแน่นผิดปกติ ควรปรึกษาทันตแพทย์

ควรรีบทำอันใหม่โดยปรึกษาทันตแพทย์เพื่อป้องกันฟันล้ม

ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มกับน้ำสบู่อ่อน ห้ามใช้น้ำร้อนเพราะอาจทำให้เสียรูป

แช่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดรีเทรนเนอร์ หรือใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำ

อาจมีผลช่วงแรก แต่ร่างกายจะปรับตัวได้ภายในไม่กี่วัน

ราคาเริ่มต้นประมาณ 2,000-6,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทและคลินิก

ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความต้องการ รีเทรนเนอร์ใสดูสวยงามกว่า แต่แบบลวดทนทานกว่า

มีโอกาสแตกหรือเสียรูปได้ถ้าถอดผิดวิธีหรือโดนความร้อนสูง

ควรพบหมอเพื่อปรับหรือทำใหม่ อย่าฝืนใส่เพราะอาจไม่ได้ผล

ถ้าแน่นจนเจ็บหรือกดฟันมาก ควรปรึกษาหมอ เพราะอาจทำให้ฟันเคลื่อนผิดตำแหน่ง

ถ้าเป็นแบบถอดได้ ควรถอดก่อนกินอาหาร เพื่อป้องกันการเสียหายและสะสมเศษอาหาร

แบบถาวรสะดวกเพราะไม่ต้องถอดเข้าออก แต่ทำความสะอาดยากกว่าและอาจเกิดหินปูนสะสม

ถ้าไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจสะสมแบคทีเรียและทำให้มีกลิ่นปาก

ถ้าผ่านการจัดฟัน ควรใส่เพื่อป้องกันฟันเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

หากดูแลดีอาจใช้ได้นานหลายปี แต่สุดท้ายอาจต้องเปลี่ยนตามสภาพการใช้งาน

ไม่แนะนำ เพราะรีเทรนเนอร์ต้องผลิตตามรูปฟันเฉพาะบุคคล ควรทำที่คลินิกโดยทันตแพทย์

  • รีเทนเนอร์แบบใส (Clear Retainer) รีเทนเนอร์แบบใสทำจากพลาสติกใสที่ออกแบบมาพอดีกับฟันของคุณ ทำให้มองเห็นได้ยากเวลายิ้มหรือพูดคุย
  • รีเทนเนอร์แบบลวด (Hawley Retainer) รีเทนเนอร์แบบลวดประกอบด้วยฐานอะคริลิกและลวดโลหะที่ใช้ยึดฟัน

ในช่วงแรกหลังถอดเครื่องมือจัดฟัน กระดูกและเนื้อเยื่อรอบๆ รากฟันยังไม่แข็งแรงเต็มที่ และยังมีความ “ยืดหยุ่น” หรือ “ความจำ” ที่จะพยายามดึงฟันกลับไปยังตำแหน่งเดิมก่อนจัดฟัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมรีเทนเนอร์ถึงสำคัญมาก และหากคุณไม่ใส่…สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น

1. ฟันเคลื่อนที่กลับ (Relapse) หรือ “ฟันล้ม” นี่คือผลกระทบที่ชัดเจนและน่าเสียดายที่สุด ฟันที่เคยเรียงตัวสวยงามจะเริ่มเคลื่อนที่กลับไปสู่สภาพเดิม ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง หรือการสบฟันที่ผิดปกติ ปรากฏการณ์นี้เราเรียกว่า “ฟันล้ม” 

  • ช่วงแรกอันตรายที่สุด: ในช่วง 1-3 เดือนแรกหลังถอดเครื่องมือ คือช่วงเวลาทองที่ฟันจะเคลื่อนที่กลับได้ง่ายและเร็วที่สุด

  • ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง: คุณอาจไม่ทันสังเกตในวันแรกๆ แต่พอนานไปสัปดาห์หรือเป็นเดือน จะเริ่มรู้สึกว่ารีเทนเนอร์อันเดิมที่เคยใส่ได้กลับแน่นขึ้น หรือใส่ไม่เข้าอีกต่อไป นั่นคือสัญญาณเตือนว่าฟันของคุณได้เคลื่อนไปแล้ว

2. ต้องเสียเงินและเวลา “จัดฟันรอบสอง” เมื่อฟันเคลื่อนที่ไปมากจนไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการกลับไปใส่รีเทนเนอร์เดิม ทางออกเดียวที่เหลือก็คือการ “จัดฟันรอบที่สอง” ซึ่งหมายความว่า:

  • เสียเงินซ้ำซ้อน: ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันรอบใหม่นั้นไม่ใช่น้อยๆ เลย

  • เสียเวลาอีกครั้ง: ต้องกลับไปเริ่มต้นกระบวนการจัดฟันใหม่อีก 2-3 ปี หรือมากกว่านั้น

  • เจ็บตัวอีกรอบ: ต้องกลับไปทนกับความรู้สึกไม่สบายปากในช่วงแรกของการจัดฟันอีกครั้ง

3. ปัญหาการสบฟันและสุขภาพช่องปากอื่นๆ เมื่อฟันเคลื่อนที่ การสบฟันอาจผิดปกติไปจากเดิม ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น:

  • ปัญหาการบดเคี้ยว: เคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด

  • อาการปวดข้อต่อขากรรไกร (TMJ): เพราะการสบฟันที่ไม่สมดุล

  • ฟันสึกผิดปกติ: จากการที่ฟันบางซี่ต้องรับแรงกระแทกมากกว่าปกติ

  • ทำความสะอาดยากขึ้น: เมื่อฟันกลับไปซ้อนเกเหมือนเดิม จะทำให้แปรงฟันได้ไม่ทั่วถึง เสี่ยงต่อฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่ายขึ้น

วิธีทำความสะอาดรีเทนเนอร์แบบถอดได้ (Removable Retainers)

ไม่ว่าจะเป็นแบบใสปิ๊ง (Clear Retainer) หรือแบบลวดสุดคลาสสิก (Hawley Retainer) หลักการพื้นฐานจะคล้ายกันคือต้องทำความสะอาดทุกวัน!

การทำความสะอาดประจำวัน (ทำทุกวัน เช้า-เย็น)

  1. ล้างด้วยน้ำสะอาดทันทีที่ถอด: ทุกครั้งที่ถอดรีเทนเนอร์ออกจากปาก ให้รีบล้างผ่านน้ำสะอาดที่อุณหภูมิห้องทันที เพื่อชะล้างคราบน้ำลายและเศษอาหารเล็กๆ ออกไปก่อนที่มันจะแห้งกรัง

  2. แปรงเบาๆ ด้วยแปรงขนนุ่ม: ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม (อาจจะแยกไว้สำหรับรีเทนเนอร์โดยเฉพาะ) กับน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาล้างจาน ค่อยๆ แปรงทำความสะอาดให้ทั่วทุกซอกทุกมุม

    • สำหรับรีเทนเนอร์แบบลวด: เน้นบริเวณฐานอะคริลิกและซอกลวด

    • สำหรับรีเทนเนอร์แบบใส: แปรงเบาๆ ทั้งด้านในและด้านนอก

  3. ล้างให้สะอาดหมดจด: ล้างฟองสบู่ออกด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด แล้วผึ่งให้แห้ง หรือซับเบาๆ ด้วยผ้าสะอาดก่อนเก็บใส่กล่อง

การทำความสะอาดแบบล้ำลึก (Deep Cleaning สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง)

เพื่อขจัดคราบที่มองไม่เห็นและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ควรทำความสะอาดแบบล้ำลึกเป็นประจำ ด้วยการแช่รีเทนเนอร์ในน้ำยาทำความสะอาดประมาณ 15-20 นาที (หรือตามคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์) จากนั้นนำขึ้นมาแปรงเบาๆ อีกครั้งและล้างน้ำให้สะอาด

  • ตัวเลือกน้ำยาทำความสะอาด:

    • เม็ดฟู่สำหรับทำความสะอาดรีเทนเนอร์/ฟันปลอม: หาซื้อง่ายและสะดวกที่สุด

    • น้ำส้มสายชู (สูตรธรรมชาติ): ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วน กับน้ำสะอาด 1 ส่วน แช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที (ไม่เหมาะกับรีเทนเนอร์ที่มีส่วนประกอบของโลหะ เพราะอาจทำให้หมองได้)

ขั้นตอนการทำรีเทนเนอร์ ที่คลินิกทันตกรรม iDentist Clinic มักจะเป็นไปตามลำดับนี้

  1. การถอดเครื่องมือจัดฟัน
  2. การพิมพ์ฟัน (เพื่อสร้างแบบจำลอง)
  3. การเลือกชนิดของรีเทนเนอร์
  4. การผลิตรีเทนเนอร์
  5. การใส่รีเทนเนอร์และตรวจเช็ก

รีเทนเนอร์แฟชั่นที่ทำจากอะคริลิก (ส่วนใหญ่คือ รีเทนเนอร์แบบลวด) มีสีสันและลวดลายให้เลือกอย่างหลากหลายมาก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแสดงความเป็นตัวเองได้เต็มที่ แต่ก็มีข้อควรระวังสำคัญที่คุณต้องทราบด้วย โดยทั่วไปแล้ว รีเทนเนอร์แบบแฟชั่น หรือรีเทนเนอร์แบบลวดที่มีฐานเป็นอะคริลิก จะมีตัวเลือกสำหรับบริเวณฐาน/เพดานปากและส่วนที่เป็นท่อสีดังนี้

1. สีพื้นและสีสันสดใส

  • สีพื้น: มีให้เลือกแทบทุกเฉดสี ทั้งสีอ่อน (พาสเทล เช่น ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ลาเวนเดอร์) สีเข้ม (เช่น น้ำเงินเข้ม ม่วงเข้ม แดง) และสีนีออน

  • สีที่ทำให้ฟันดูขาว: สีเข้ม เช่น สีน้ำเงินเข้ม สีม่วง หรือสีแดง มักจะช่วยขับให้ฟันดูขาวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสีรีเทนเนอร์

2. ลวดลายและเทคนิคพิเศษ

  • กลิตเตอร์ (Glitter): การเพิ่มผงกากเพชร (กลิตเตอร์) ในเนื้ออะคริลิกทำให้รีเทนเนอร์ดูวิบวับและโดดเด่นมาก เป็นที่นิยมในหลายคลินิก

  • ลายการ์ตูน/ลวดลาย: สามารถสั่งทำเป็นลวดลายเฉพาะเจาะจงได้ เช่น ลายจุด ลายทาง ลายผลไม้ หรือลายตัวการ์ตูนต่าง ๆ

  • ไล่เฉดสี (Ombré): การใช้สีอะคริลิก 2-3 สีผสมกันแบบไล่เฉด เพื่อให้ดูมีมิติ

  • รีเทนเนอร์สายมู: การเลือกสีตามวันเกิด หรือตามความเชื่อด้านโชคลาภ/เสริมดวง ก็เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ที่ iDentist Clinic ก็เปิดโอกาสให้คุณ ออกแบบสี ลาย และกลิตเตอร์ได้ตามใจชอบ โดยมีตัวอย่างยอดฮิต เช่น สีใสล้วน กลิตเตอร์ชมพู/ม่วง สีพาสเทล หรือรีเทนเนอร์ลายการ์ตูน

ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดในการทำรีเทนเนอร์แฟชั่น

สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำรีเทนเนอร์กับ ทันตแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เท่านั้น เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย

ข้อควรระวังรายละเอียด
ความถูกต้องของรูปทรงรีเทนเนอร์ที่ทำโดยทันตแพทย์จะถูกออกแบบมาให้ คงสภาพฟัน ไม่ให้เคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม หากทำจากที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟันอาจเคลื่อนได้
ความสะอาดและสุขอนามัยต้องทำจาก วัสดุที่ปลอดภัย สำหรับใช้ในช่องปาก และทำในห้องแล็บที่สะอาด หากทำจากแหล่งที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีเชื้อโรคหรือวัสดุที่เป็นอันตรายปนเปื้อน
การดูแลรักษาควรรักษาความสะอาดของรีเทนเนอร์อยู่เสมอ โดย ห้ามใช้ยาสีฟันที่มีผงขัด เพราะจะทำให้ผิวรีเทนเนอร์เป็นรอยและเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ควรใช้สบู่อ่อนหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรีเทนเนอร์โดยเฉพาะ
การหลีกเลี่ยงความร้อนห้ามนำรีเทนเนอร์แช่น้ำร้อน หรือทิ้งไว้ในที่ที่มีความร้อนสูง (เช่น ในรถที่จอดตากแดด) เพราะอะคริลิกจะอ่อนตัวและ ผิดรูป ซึ่งจะทำให้ใส่ไม่ได้และต้องทำใหม่
การใส่ตามคำแนะนำต้องใส่ตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด (เช่น ในช่วงแรกอาจต้องใส่ตลอดเวลา ถอดเฉพาะตอนกินอาหารและแปรงฟัน) หากละเลย ฟันอาจเคลื่อนและต้องจัดฟันใหม่ได้
การเก็บรักษาเมื่อถอดออก ให้เก็บใส่ กล่องรีเทนเนอร์ เสมอ ห้ามห่อกระดาษทิชชู่ เพราะเสี่ยงต่อการถูกเผลอทิ้งหรือทำหายสูงมาก

รีเทนเนอร์ที่ใช้หลังการจัดฟันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การตัดสินใจควรทำร่วมกับทันตแพทย์จัดฟันของคุณ

รีเทนเนอร์แบบติดแน่น เป็นลวดโลหะเส้นเล็ก ๆ ที่ทันตแพทย์จะยึดติดไว้ด้านหลังของฟันหน้า

ข้อดีข้อจำกัด
คงสภาพฟันตลอดเวลาทำความสะอาดซอกฟันยาก ต้องใช้ไหมขัดฟันเฉพาะ (Superfloss)
ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมใส่ลวดอาจหักหรือหลุดได้ หากกัดของแข็งหรือมีแรงกระแทก
มองไม่เห็นจากด้านนอกหากทำความสะอาดไม่ดีพอ อาจเกิดหินปูนสะสมได้ง่าย

รีเทนเนอร์แบบถอดได้ (Removable Retainer) เป็นรีเทนเนอร์ที่คุณสามารถถอดเข้า-ออกได้เอง ซึ่งแบ่งย่อยได้เป็น 2 ชนิดหลัก

 
  • รีเทนเนอร์แบบลวด (Hawley Retainer) มีลักษณะเป็นฐานอะคริลิกสีสันต่าง ๆ และมีลวดโลหะพาดอยู่ด้านหน้าฟัน
    ข้อดีข้อจำกัด
    ทนทาน ปรับแก้ได้ง่าย (หากฟันมีการเคลื่อนเล็กน้อย)มองเห็นลวดโลหะ อาจรู้สึกไม่มั่นใจเวลาพูดหรือยิ้ม
    ทำความสะอาดง่าย (ทั้งตัวรีเทนเนอร์และฟัน)อาจมีผลต่อการพูดในช่วงแรก
    สามารถเลือกสีและลวดลาย ได้ตามใจชอบ (แฟชั่น)ต้องมีวินัยในการใส่
  • รีเทนเนอร์แบบใส (Essix or Clear Retainer) มีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกใสบาง ๆ ครอบฟันไว้ทั้งหมด

    ข้อดีข้อจำกัด
    สวยงามและแทบจะมองไม่เห็น เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องความสวยงามไม่ทนทานเท่าแบบลวด อาจแตกร้าวหรือบิดเบี้ยวได้ง่าย
    สวมใส่สบาย และไม่ค่อยมีผลกระทบต่อการพูดทำความสะอาดได้ยากกว่าแบบลวดเล็กน้อย และอาจมีกลิ่น
     มีโอกาส เปลี่ยนสี ได้หากดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมบ่อย ๆ ขณะใส่

ผลกระทบหลัก ๆ ที่จะเกิดขึ้นหากคุณละเลยการใส่รีเทนเนอร์ คือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ฟันคืนสู่สภาพเดิม” (Relapse)

  • ฟันจะเคลื่อนที่และล้ม (Tooth Relapse)
  • ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดฟันใหม่
  • รีเทนเนอร์เดิมจะใส่ไม่ได้
  • ปัญหาด้านสุขภาพช่องปากในระยะยาว

ระยะเวลาในการใส่รีเทนเนอร์ต่อวัน ไม่ได้มีกฎตายตัวสำหรับทุกคน แต่จะขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาหลังการจัดฟัน และ คำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะบุคคล

  • ทำตามคำสั่งของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด ทันตแพทย์จัดฟันของคุณคือผู้ที่รู้รายละเอียดการรักษาของคุณดีที่สุด และจะกำหนดตารางการใส่ที่เหมาะสมกับความมั่นคงของฟันของคุณ

  • ใส่ให้นานที่สุดในช่วงแรก ในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปีแรก การใส่ให้ได้ 20-22 ชั่วโมงต่อวันมีความสำคัญสูงสุด ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด

  • ใส่ “ตลอดไป” แม้จะผ่านช่วงปีแรกไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่าคุณควรใส่รีเทนเนอร์ เฉพาะเวลานอน ไป ตลอดชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนจากแรงบดเคี้ยวและแรงตามธรรมชาติของร่างกาย (Relapse) ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

 นั่นคือสัญญาณเตือนว่าฟันของคุณเริ่มเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งแล้ว ให้ลองพยายามใส่รีเทนเนอร์เข้าไป หากยังใส่ได้อยู่ให้ใส่ตลอดเวลา 1-2 วันเพื่อให้ฟันกลับเข้าที่ แต่ถ้าแน่นจนใส่ไม่เข้าหรือเจ็บมาก ให้รีบมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็ค

ได้แน่นอน! ไม่ว่าคุณจะเคยจัดฟันจากที่ไหน หรือทำรีเทนเนอร์หาย/ชำรุด สามารถนัดหมายเพื่อเข้ามาปรึกษาและทำรีเทนเนอร์ชิ้นใหม่กับเราได้เสมอ

อัตราการเคลื่อนกลับของฟันจะเร็วที่สุดในช่วง 3-6 เดือนแรกหลังถอดเครื่องมือ การลืมใส่แค่คืนเดียวอาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงด้วยตาเปล่า แต่คุณจะรู้สึกได้ทันทีว่ารีเทนเนอร์ “แน่นขึ้น” ในวันถัดไป ซึ่งนั่นคือหลักฐานว่าฟันได้เคลื่อนตัวไปแล้ว! หากลืมบ่อยครั้ง การเคลื่อนตัวเล็กๆ น้อยๆ นี้จะสะสมจนกลายเป็นฟันล้มที่เห็นได้ชัด

การไม่ใส่รีเทนเนอร์ไม่เพียงทำให้ฟันเกกลับมา แต่ยังทำให้ “การสบฟัน” ที่คุณหมออุตส่าห์ปรับแต่งมาอย่างดีเพี้ยนไปด้วย ซึ่งในระยะยาวอาจนำไปสู่ปัญหาการสึกของฟันที่ผิดปกติ, เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาข้อต่อขากรรไกร (ปวดกราม, อ้าปากมีเสียงคลิก) และทำให้ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวลดลง

  • แบบลวด: อาจทำให้พูดไม่ชัดในช่วงแรก และเส้นลวดอาจถูกมองเห็นได้
  • แบบใส: อายุการใช้งานสั้นกว่าแบบลวด (อาจต้องเปลี่ยนทุก 1-2 ปี), สามารถติดสีจากเครื่องดื่ม และอาจกักเก็บน้ำลายทำให้เกิดกลิ่นได้ง่ายหากทำความสะอาดไม่ดี
  • แบบติดแน่น: เป็นจุดที่หินปูนเกาะได้ง่ายมาก และทำความสะอาดยากที่สุด หากลวดหลุดโดยไม่รู้ตัว ฟันอาจเคลื่อนไปแล้ว

ปลอดภัยแน่นอน วัสดุเป็นพลาสติกเกรดการแพทย์ (Medical-grade thermoplastic) ที่ไม่มีสาร BPA ที่เป็นอันตราย ส่วนวันเสื่อมอายุ แม้ตัววัสดุจะคงทน แต่จากการใช้งานจริง (การใส่-ถอด, การกัดเน้น) จะทำให้พลาสติกค่อยๆ เสื่อมสภาพและบางลง จึงแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทุกๆ 1-2 ปีเพื่อประสิทธิภาพการคงสภาพฟันที่ดีที่สุด

เป็นกลยุทธ์การคงสภาพฟันที่ดีที่สุด โดยเฉพาะฟันหน้าล่างที่มีแนวโน้มจะซ้อนเกกลับมาได้ง่ายที่สุด ทันตแพทย์จึงมักจะติด “รีเทนเนอร์แบบติดแน่น” ไว้เป็นปราการด่านแรก และให้ใช้ “รีเทนเนอร์แบบใส” สวมทับอีกชั้นตอนนอน เพื่อเป็นการป้องกันสองชั้นและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว

จะทำให้รีเทนเนอร์ติดสีเหลืองอย่างรวดเร็ว และน้ำตาลในเครื่องดื่มจะถูกกักอยู่ระหว่างฟันกับรีเทนเนอร์ เพิ่มความเสี่ยงฟันผุอย่างมาก สิ่งที่ควรทำทันทีคือ ถอดรีเทนเนอร์ออก บ้วนปากและล้างรีเทนเนอร์ด้วยน้ำสะอาดทันที

ไม่ถาวร เป็นแค่ช่วงปรับตัวในสัปดาห์แรก วิธีฝึกที่ดีที่สุดคือการ “พูดบ่อยๆ” ลองอ่านหนังสือออกเสียงดังๆ หรือร้องเพลง จะช่วยให้ลิ้นของคุณปรับตัวเข้ากับพื้นที่ใหม่ในช่องปากได้เร็วขึ้นมาก

รีเทนเนอร์แบบใสสามารถช่วย “ป้องกัน” ผิวฟันจากการสึกโดยตรงจากการนอนกัดฟันได้ในระดับหนึ่ง แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับแรงบดเคี้ยวที่รุนแรงเท่า “เฝือกสบฟัน” โดยเฉพาะ หากคุณมีอาการนอนกัดฟันรุนแรง ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำเฝือกสบฟันโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีความหนาและทนทานกว่ามาก

ห้ามฝืนเด็ดขาด! การฝืนใส่อาจทำให้ฟันปวดหรือเกิดความเสียหายได้ การที่รีเทนเนอร์คับมากคือสัญญาณว่าฟันของคุณเคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิมแล้ว ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อประเมิน บางครั้งอาจแก้ไขได้ด้วยรีเทนเนอร์ชนิดพิเศษ หรืออาจต้องพิจารณาจัดฟันรอบใหม่ในกรณีที่ฟันล้มไปมาก

โดยส่วนใหญ่แล้วจะ “ใช้ไม่ได้”  เพราะการอุดฟันหรือทำครอบฟันจะทำให้รูปร่างของฟันเปลี่ยนไปแม้เพียงเล็กน้อย ซึ่งส่งผลให้รีเทนเนอร์ที่พอดีเป๊ะไม่สามารถใส่ลงได้อีกต่อไป คุณจำเป็นต้องทำรีเทนเนอร์ชิ้นใหม่

 ไม่จำเป็นครับ หากคุณไม่สะดวกเดินทาง สามารถเข้ารับบริการที่ identistclinic ได้ เรายินดีต้อนรับคนไข้ทุกท่านที่ต้องการทำรีเทนเนอร์ใหม่หรือทำสำรอง