ทำฟัน จัดฟัน นัดปรึกษาฟรี : @iDentistClinic

บริการทันตกรรมจัดฟัน

เลือกหัวข้ออ่านการจัดฟัน

iDentist Dental Clinic

ทันตกรรมจัดฟัน

การจัดฟันคืออะไร ทำไมถึงต้องจัดฟัน ?

การจัดฟันเป็นการรักษาแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นจากการเรียงตัวของฟัน และการสบฟันที่ผิดปกติให้กลับไปสู่สภาพที่ปกติ ทำให้ฟันเรียงตัวดีขึ้นและ ส่งผลใหมีบุกลิกภาพที่ดีขึ้น ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือดัดฟันเพื่อปรับแรงทีโครงสร้างฟันเกิดการเคลื่อน ตัวของฟันในอัตราเฉลี่ย 1 มิลลิเมตร ต่อ 1 เดือน เป็นผลทำให้กระดูกที่ล้อม รากฟันจะเกิดการละลายและเสริมสร้างใหม่ของกระดูกแบบค่อยเป็นค่อยไป

ใครควรจัดฟัน ?

– ฟันห่าง ฟันซ้อน ฟันเก
– ฟันหน้าไม่สบกัน การสบฟันลึก การสบฟันไขว้
– ขากรรไกรบนหรือล่างยื่น
– จำนวนฟันที่มีอยู่ขาดหายไปหรือเกินจำนวน
– ฟันนำ้นมหลุดหรือถอนก่อนและหลังเวลาอันควร

จัดฟันมีกี่แบบ?

การจัดฟัน มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับปัญหาของฟัน ความต้องการของผู้ป่วย และงบประมาณ โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้:

1. จัดฟันแบบโลหะติดแน่น (Metal Braces)
เป็นการติดเหล็กจัดฟันที่ด้านหน้าของฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันซ้อนเก หรือฟันสบผิดปกติ ข้อดีคือสามารถควบคุมตำแหน่งฟันได้ดีและมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก แต่มีข้อเสียคือเห็นเหล็กชัดเจน

2. จัดฟันแบบเซรามิกติดแน่น (Ceramic Braces)
คล้ายกับแบบโลหะแต่ใช้วัสดุเซรามิกที่มีสีใกล้เคียงกับฟัน จึงดูเป็นธรรมชาติมากกว่า นิยมใช้ในผู้ที่ต้องการความสวยงาม แต่ค่าใช้จ่ายสูงกว่าและอาจเปราะกว่าแบบโลหะ

3. จัดฟันแบบดามอน (Damon Braces)
ใช้เหล็กจัดฟันชนิดที่ไม่ต้องใช้ยางในการยึด ทำให้แรงเสียดทานลดลง ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า และไม่ต้องปรับเครื่องมือบ่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันรวดเร็วและมีความสะดวกในการดูแล

4. จัดฟันแบบใส (Invisalign)
เป็นการจัดฟันแบบถอดได้ ใช้แผ่นใส (Clear aligners) ที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล ใส่ครอบฟันเพื่อค่อยๆ เคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ต้องการ ดูเป็นธรรมชาติและสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่มีราคาค่อนข้างสูง

 

1. จัดฟันแบบโลหะติดแน่น (Metal Braces)

คือการจัดฟันโดยการติดตั้งเครื่องมือจัดฟันที่ทำจากโลหะไว้ที่ด้านหน้าของฟัน เครื่องมือประกอบด้วยแบร็กเก็ต (Bracket) โลหะที่ติดอยู่บนฟันแต่ละซี่และเชื่อมต่อกันด้วยลวดจัดฟัน โดยมีการใช้ยางดึงฟัน (O-Ring) หรือยางสีสันต่างๆ เพื่อช่วยยึดลวดเข้ากับแบร็กเก็ต

ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะติดแน่น

ความแข็งแรงทนทาน: เครื่องมือที่ใช้ทำจากโลหะ จึงทนต่อการใช้งานและสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้หลากหลาย

ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก: เป็นตัวเลือกที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ เช่น แบบใส (Invisalign) หรือแบบเซรามิก

ควบคุมการเคลื่อนของฟันได้ดี: ทันตแพทย์สามารถปรับเครื่องมือได้อย่างละเอียดเพื่อให้ฟันเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ


ข้อเสียของการจัดฟันแบบโลหะติดแน่น

มองเห็นได้ชัดเจน: เนื่องจากเครื่องมือเป็นโลหะ ทำให้มองเห็นได้จากภายนอก อาจมีผลต่อความมั่นใจของผู้ใส่

ทำความสะอาดยากขึ้น: การทำความสะอาดช่องปากต้องใช้เวลาและระมัดระวังมากขึ้น เพราะเศษอาหารอาจติดในซอกเครื่องมือได้ง่าย

อาจระคายเคืองช่องปาก: ในช่วงแรกๆ ที่ติดเครื่องมืออาจรู้สึกระคายเคืองริมฝีปากหรือเหงือกบ้าง จนกว่าจะปรับตัวได้


เหมาะกับใคร

การจัดฟันแบบโลหะติดแน่นเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาฟันซ้อนเกหรือฟันสบผิดปกติ ต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและไม่กังวลเรื่องความสวยงามมากนัก

2. จัดฟันแบบเซรามิกติดแน่น (Ceramic Braces)

คือการจัดฟันที่ใช้วัสดุเซรามิกที่มีสีใกล้เคียงกับฟันแทนการใช้โลหะ โดยจะติดเครื่องมือเซรามิกที่ฟันแต่ละซี่ และเชื่อมต่อกันด้วยลวด ซึ่งอาจใช้ลวดสีใสหรือสีขาวเพื่อลดความเด่นของเครื่องมือ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติกว่าการจัดฟันแบบโลหะ

ข้อดีของการจัดฟันแบบเซรามิกติดแน่น

ความสวยงามและเป็นธรรมชาติ: เนื่องจากสีของเซรามิกใกล้เคียงกับสีฟัน ทำให้มองเห็นเครื่องมือได้น้อยกว่า จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามและต้องการให้ดูไม่สะดุดตา

ประสิทธิภาพในการจัดฟัน: สามารถแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันและการสบฟันที่ผิดปกติได้ดี


ข้อเสียของการจัดฟันแบบเซรามิกติดแน่น

เปราะกว่าโลหะ: เซรามิกมีความเปราะบางกว่าโลหะ อาจแตกหรือเสียหายได้ง่ายกว่าเมื่อได้รับแรงกระแทกหรือแรงกัดที่รุนแรง

ค่าใช้จ่ายสูงกว่า: ราคาของการจัดฟันแบบเซรามิกจะสูงกว่าแบบโลหะ

อาจเกิดคราบสี: เซรามิกอาจดูดซับสีจากอาหารหรือเครื่องดื่มบางชนิด เช่น กาแฟ ชา หรืออาหารที่มีสีเข้ม ทำให้เกิดคราบบนแบร็กเก็ตได้


เหมาะกับใคร

การจัดฟันแบบเซรามิกติดแน่นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันอย่างมีประสิทธิภาพแต่ยังต้องการความสวยงามเป็นธรรมชาติ เช่น ผู้ที่ต้องการความมั่นใจในระหว่างการจัดฟันหรือทำงานที่ต้องพบปะผู้คน

3. จัดฟันแบบดามอน (Damon Braces)

เป็นการจัดฟันแบบติดแน่นที่ใช้เครื่องมือพิเศษเรียกว่า “ดามอน” ซึ่งต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไปที่ใช้ยางดึงฟัน เพราะดามอนใช้กลไกการล็อกด้วยตัวเอง (self-ligating) โดยมีคลิปล็อกลวดเข้ากับแบร็กเก็ตโดยไม่ต้องใช้ยาง ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้สะดวกขึ้นและลดแรงเสียดทานระหว่างการจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน

ความสบายในการจัดฟัน: การใช้ระบบล็อกด้วยตัวเองทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างนุ่มนวลและมีแรงดึงน้อยกว่า ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายมากขึ้น

ลดระยะเวลาการจัดฟัน: การเคลื่อนที่ของฟันเกิดขึ้นได้เร็วขึ้นในบางกรณี ทำให้การจัดฟันใช้ระยะเวลาน้อยกว่าปกติ

ไม่ต้องเปลี่ยนยางบ่อย: เนื่องจากไม่มีการใช้ยางดึงฟัน จึงไม่ต้องเข้าไปเปลี่ยนยางทุกเดือน การเข้าพบทันตแพทย์จึงทำได้ห่างขึ้น

ทำความสะอาดง่ายขึ้น: เพราะไม่มียางดึงฟันที่สามารถสะสมคราบอาหารและแบคทีเรียได้ง่าย ทำให้การดูแลความสะอาดช่องปากสะดวกขึ้น


ข้อเสียของการจัดฟันแบบดามอน

ค่าใช้จ่ายสูง: การจัดฟันแบบดามอนมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะทั่วไป

การเลือกสีจำกัด: ส่วนใหญ่แบร็กเก็ตจะมีให้เลือกแค่แบบโลหะและเซรามิกสีใส ทำให้ไม่มีสีสันให้เลือกเหมือนการจัดฟันแบบโลหะธรรมดาที่สามารถใส่ยางสีต่างๆ ได้

ยังเห็นเครื่องมืออยู่บ้าง: แม้ว่าดามอนแบบเซรามิกจะมีสีใสใกล้เคียงกับสีฟัน แต่ลวดที่ใช้ยังสามารถมองเห็นได้


เหมาะกับใคร

การจัดฟันแบบดามอนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการจัดฟัน อยากลดจำนวนครั้งในการเข้าพบทันตแพทย์ และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าแบบทั่วไป ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการความสวยงามแบบเนียนธรรมชาติก็สามารถเลือกดามอนแบบเซรามิกได้

เครื่องมือการจัดฟันแบบดามอน

จัดฟันเสร็จเร็วขึ้น, ลดอาการเจ็บปวดและรู้สึกสบายกว่า, ลดจำนวนครั้งที่มาพบทันตแพทย์, ไม่จ้าเป็นต้องเปลี่ยบรัด

จัดฟัน แบบ Damon Q

เริ่มที่ 59,000 บาท
แบ่งชำระ 3,500/ครั้ง

จัดฟัน แบบ Damon Clear

เริ่มที่ 65,000 บาท
แบ่งชำระ 3,500/ครั้ง

เปรียบเทียบ จัดฟัน Damon กับ จัดฟัน ธรรมดา

4. จัดฟันแบบใส (Invisalign)

เป็นการจัดฟันที่ใช้แผ่นพลาสติกใส (Clear Aligners) ทำจากวัสดุทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลเพื่อครอบฟันแต่ละซี่ โดยแผ่นใสเหล่านี้จะค่อยๆ เคลื่อนฟันไปตามตำแหน่งที่ต้องการ จึงแทบไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน และสามารถถอดออกได้เมื่อต้องการ เช่น ขณะรับประทานอาหารหรือแปรงฟัน

ข้อดีของการจัดฟันแบบใส (Invisalign)

มองไม่เห็นเครื่องมือ: แผ่นใสใกล้เคียงกับสีฟันมาก ทำให้ไม่สังเกตเห็นเครื่องมือจัดฟันจากภายนอก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามและมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน

ถอดออกได้: แผ่น Invisalign สามารถถอดออกได้ ทำให้สะดวกในการกินอาหารและทำความสะอาดฟัน ไม่ต้องกังวลเรื่องคราบอาหารติดเครื่องมือ

ลดการระคายเคือง: เนื่องจากไม่มีแบร็กเก็ตหรือลวดที่ยึดติดกับฟัน จึงลดการระคายเคืองบริเวณเหงือกและเนื้อเยื่อรอบๆ ในช่องปาก


ข้อเสียของการจัดฟันแบบใส (Invisalign)

ต้องสวมใส่ตลอดเวลา: ควรสวมใส่แผ่น Invisalign อย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้นผู้ที่ลืมหรือไม่ชอบใส่ตลอดเวลาอาจไม่เหมาะสม

ค่าใช้จ่ายสูง: Invisalign มีราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะหรือแบบอื่นๆ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตแผ่นใสเฉพาะบุคคล

อาจไม่เหมาะกับกรณีซับซ้อน: ในบางกรณีที่ฟันซ้อนเกหรือสบฟันผิดปกติรุนแรง Invisalign อาจไม่สามารถแก้ไขได้เท่ากับการจัดฟันแบบติดแน่น


เหมาะกับใคร

Invisalign เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงาม ความสะดวกในการถอดใส่ และมีวินัยในการใส่แผ่นจัดฟันเป็นประจำ เหมาะกับทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่มีปัญหาการเรียงตัวของฟันระดับไม่ซับซ้อนมากนัก

จัดฟันใสหรือจัดฟันเหล็กดีกว่ากัน!

ทันตกรรมจัดฟัน

ขั้นตอนการจัดฟันครั้งแรก

นัดปรึกษาจัดฟันกับทันตแพทย์

เพิ่อประเมินค่าใช้จ่ายและดูแนวทางการ รักษาเบื้องต้นว่าเหมาะกับการจัดฟันกับเครื่องมือจัดฟันชนิดใด

พิมพ์ปากทำแบบจำลองฟัน

ทำการพิมพ์ปากทำแบบจำลองฟัน หรือ สแกนฟัน 3มิติ

เอกซเรย์เพื่อการจัดฟัน

 เอกซเรย์เพื่อการจัดฟันทำการถ่ายรูปโครงหน้าและฟัน  

เคลียร์ช่องปาก

เคลียร์ช่องปากตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เช่น ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน เป็นต้น

ติดเครื่องมือจัดฟัน

ติดเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะติดแน่น หรือ รับชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใส

ทำการนัดปรับเครื่องมือ

ทำการนัดปรับเครื่องมือจัดฟันรายเดือนหรือรับชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใสตามนัด

พิมพ์ปากทำรีเทนเนอร์

พิมพ์ปากทำรีเทนเนอร์ (retainer) หลังจากจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

จัดฟันช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

การจัดฟันมีประโยชน์หลายด้านทั้งในแง่ของสุขภาพช่องปากและความสวยงาม ซึ่งรวมถึง:

1. แก้ไขปัญหาฟันซ้อนเกและการสบฟันผิดปกติ
ช่วยให้ฟันเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ลดการซ้อนเกหรือเบียดแน่นของฟัน ซึ่งจะทำให้ฟันใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรับการสบฟันให้ถูกต้อง เช่น การสบฟันที่เกหรือลึกเกินไป ซึ่งส่งผลต่อการเคี้ยวและการพูด

2. ช่วยให้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น
เมื่อฟันเรียงตัวสม่ำเสมอและไม่เบียดแน่น การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทำได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสการสะสมของคราบหินปูนและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกและฟันผุ

3. ลดความเสี่ยงต่อโรคเหงือกและฟัน
การจัดฟันช่วยลดปัญหาฟันเบียดแน่นและการซ้อนเกที่เป็นสาเหตุให้เหงือกอักเสบ ฟันผุ หรือโรคปริทันต์ในระยะยาว

4. แก้ปัญหาปวดกรามและข้อต่อขากรรไกร
ปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ เช่น ฟันเก ฟันซ้อนหรือการสบฟันลึก อาจทำให้เกิดแรงกดที่ไม่สมดุล ซึ่งอาจทำให้ปวดกราม ปวดหัว หรือมีปัญหากับข้อต่อขากรรไกร (TMJ) การจัดฟันสามารถลดอาการเหล่านี้ได้

5. เพิ่มความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดี
การจัดฟันช่วยปรับรูปลักษณ์ของฟันและรอยยิ้มให้สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้ผู้จัดฟันมีความมั่นใจมากขึ้นในการพูดคุยและยิ้ม

6. ส่งผลดีต่อการเคี้ยวและย่อยอาหาร
ฟันที่เรียงตัวดีจะช่วยในการบดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

7. แก้ปัญหาการออกเสียงที่ผิดปกติ
ในบางกรณีที่การสบฟันไม่ถูกต้อง การจัดฟันอาจช่วยแก้ไขปัญหาการออกเสียงที่ผิดปกติ เช่น เสียงซิบ (เสียง “ฟ่อ”) ซึ่งเกิดจากการสบฟันที่ไม่ตรงกัน

การจัดฟันจึงมีประโยชน์ทั้งด้านสุขภาพช่องปาก สุขภาพโดยรวม และด้านความสวยงาม

คำแนะนำจากทันตแพทย์และข้อควรปฏิบัติในการจัดฟัน ?

หลังติดเครื่องมือสำหรับบางท่านอาจมีอาการเจ็บหรือปวดฟันในช่วงแรก คนไข้สามารถที่จะแก้ไขได้โดยทานยาแก้ปวด

พบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพฟันที่ดี

หลีกเลี่ยมการบดเคี้ยวที่แข็งและหนียว เพื่อป้อมกันให้เครื่องมือจัดฟันหลุดได้

ควรดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพฟัน โดยแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ

คำถามที่พบบ่อย

การจัดฟันสามารถทำให้ลักษณะของใบหน้าเปลี่ยนไปได้ในบางกรณี โดยเฉพาะกรณีที่มีการจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาการสบฟันหรือการเรียงตัวของฟัน ซึ่งจะส่งผลต่อโครงสร้างกระดูกใบหน้าที่เชื่อมโยงกับฟันและขากรรไกร

การจัดฟันอาจทำให้หน้าเรียวขึ้นเล็กน้อยในบางกรณี เช่น:

การถอนฟันเพื่อเว้นช่องให้ฟันเคลื่อน: การถอนฟันบางซี่ออกแล้วจัดฟันให้เรียงตัวใหม่ อาจทำให้กรอบหน้าดูเล็กลงหรือหน้าเรียวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากฟันที่เรียงตัวใหม่และการปรับแนวขากรรไกรให้สมดุล

การเปลี่ยนตำแหน่งขากรรไกร: สำหรับผู้ที่มีปัญหาการสบฟันหรือขากรรไกรที่ผิดปกติ การปรับแนวขากรรไกรอาจทำให้รูปหน้าดูสมส่วนและเรียวขึ้น

การจัดฟันสามารถทำให้ใบหน้าเปลี่ยนแปลงได้ดังนี้:

1. การเคลื่อนฟันและกระดูกขากรรไกร: เมื่อฟันถูกจัดให้เรียงตัวใหม่ ขากรรไกรอาจมีการเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม ส่งผลให้ใบหน้าดูได้สัดส่วนและสมดุลขึ้น


2. การปรับแนวกราม: ถ้ามีปัญหาการสบฟัน เช่น ฟันล่างคร่อมหรือฟันบนยื่น การจัดฟันจะช่วยปรับแนวกรามให้เข้าที่ ส่งผลต่อใบหน้าที่ดูสมดุลมากขึ้น


3. รูปหน้าในบางกรณี: ในบางกรณี การจัดฟันอาจช่วยให้ส่วนของริมฝีปาก แก้ม และแนวกรามดูเรียวขึ้น โดยเฉพาะถ้าก่อนหน้านี้มีฟันซ้อนเกหรือยื่นออกมามาก

ระยะเวลาในการจัดฟันมักแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้วใช้เวลาอยู่ระหว่าง 1.5 ถึง 3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:

1. ประเภทของปัญหาฟัน – ถ้าฟันห่าง ฟันเก หรือฟันคุด อาจใช้เวลามากกว่าเคสปกติ
2. ประเภทของอุปกรณ์จัดฟัน – เช่น การจัดฟันแบบโลหะ อาจใช้เวลาน้อยกว่าแบบใส หรือแบบดามอน
3. อายุของผู้จัดฟัน – ผู้ใหญ่อาจใช้เวลานานกว่าเด็ก เพราะฟันของเด็กยังเคลื่อนที่ได้ง่ายกว่า
4. การดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ – หากมาพบหมอฟันตามนัดและดูแลอย่างเหมาะสม จะช่วยให้กระบวนการเป็นไปตามแผน

เพื่อความชัดเจน แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

รีวิว

ส่วนหนึ่งของรอยยิ้มคนไข้ที่ไว้วางใจให้เราดูแล

เช็คสาขา I Dentist Dental Clinic ใกล้บ้านคุณ พร้อมให้บริการทั่วแบบครบวงจร

iDentist
สาขา
พลัมคอนโด แจ้งวัฒนะ

iDentist
สาขา
รังสิต อเวนิว