ทันตกรรมใส่ฟันปลอม
เลือกหัวข้อทันตกรรมใส่ฟันปลอม
iDentist Dental Clinic
ทันตกรรมใส่ฟันปลอม
ฟันปลอมแบบถอดได้ vs ฟันปลอมติดแน่น เลือกแบบไหนดี? มาดูข้อดีข้อเสียกัน!
เรื่องของ “รอยยิ้ม” นี่ถือเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาเวลาเจอกันเลยนะครับ ใคร ๆ ก็อยากมีรอยยิ้มที่สวยงามใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้ารอยยิ้มมันไม่สมบูรณ์หรือไม่มีฟัน ก็ทำให้เราขาดความมั่นใจ กลัวคนจะมองหรือแซวอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ปัญหานี้จะหมดไป เพราะเรามีฟันปลอมมาเป็นตัวช่วยเสริมความมั่นใจให้กลับมาทันที ฟันปลอมจะทำให้เราได้ยิ้มกว้าง ๆ โดยไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว ถ้าคุณยังสงสัยว่า “ฟันปลอม” มันคืออะไร และมีแบบไหนบ้างที่เหมาะกับคุณ บทความนี้จะช่วยคลายทุกข้อสงสัยของคุณเอง
ฟันปลอมคืออะไร?
ฟันปลอม หรือที่เรียกว่า “ฟันเทียม” คือฟันที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่หายไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะอุบัติเหตุ หรือฟันที่สึกหรอไปตามอายุ ฟันปลอมจะช่วยเติมเต็มช่องว่างของฟัน และยังช่วยป้องกันฟันที่เหลือไม่ให้เคลื่อนที่หรือเอียงไปจากตำแหน่งเดิม นอกจากนี้ ฟันปลอมยังช่วยเรื่องการสบฟันให้เข้าที่มากขึ้นด้วย บางคนอาจจะสงสัยว่า ฟันปลอมมีแบบไหนบ้าง และเลือกแบบไหนดีที่เหมาะกับตัวเอง? เดี๋ยวเราจะมาไขคำตอบในหัวข้อถัดไป
ฟันปลอมพลาสติก
เริ่ม ชิ้นละ 2,500 ซี่ถัดไป 500
ฟันปลอมบางส่วน
เริ่ม ชิ้นละ 10,000 ซี่ถัดไป 500
ฟันปลอมทั้งปาก
บน – ล่าง เริ่ม 20,000
ฟันปลอมทั้งปากฐานโลหะ
บน – ล่าง เริ่ม 25,000
ซ่อมฟันปลอม
เริ่ม 1,000
ประเภทของฟันปลอม เลือกให้เหมาะกับคุณ
ในทางการแพทย์ ฟันปลอมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ฟันปลอมแบบถอดได้และฟันปลอมแบบติดแน่น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับทั้งสองประเภท ว่ามีลักษณะอย่างไร และความแตกต่างที่ควรรู้
1. ฟันปลอมแบบถอดได้

ฟันปลอมชนิดนี้ออกแบบมาให้สามารถถอดออกจากปากได้ง่าย โดยมีการยึดติดกับฟันด้วยตะขอ ซึ่งช่วยให้ฟันปลอมเกาะติดกับฐานได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้สะดวก โดยวัสดุที่ใช้จะมีทั้งพลาสติกยืดหยุ่นและโลหะสำหรับฟันปลอมถาวร ฟันปลอมชนิดนี้เหมาะกับคนที่สูญเสียฟันบางส่วนหรือผู้ที่ไม่มีฟันเหลืออยู่เลย นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการทำความสะอาด และประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากราคาฟันปลอมชนิดถอดได้จะต่ำกว่าฟันปลอมแบบติดแน่น
ราคาของฟันปลอมชนิดถอดได้จะอยู่ระหว่าง 4,000 – 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ โดยฟันปลอมแบบโลหะจะมีราคาสูงกว่าแบบพลาสติก เพราะมีน้ำหนักเบาและแข็งแรงกว่า โดยข้อดีและข้อเสียของฟันปลอมชนิดนี้มีดังนี้:
ข้อดี
- ถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
- ราคาถูกกว่าฟันปลอมแบบติดแน่น
- ใช้เวลาทำไม่นานและไม่ยุ่งยาก
ข้อเสีย
- อาจรู้สึกไม่สะดวกสบายเนื่องจากอาจหลุดได้
- ไม่สวยงามเพราะต้องใช้ตะขอในการยึด
- ประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารต่ำกว่าฟันปลอมชนิดอื่น
- อาจมีเศษอาหารติดใต้ฟันปลอม
- ตะขอที่ยึดอาจเสื่อมสภาพตามเวลา ทำให้เกิดความหงุดหงิดขณะเคี้ยว
ฟันปลอมถอดได้
1 – 2 ซี่ เริ่ม 4,500
สะพานฟันปลอมถอดได้
(ฐานยืดหยุ่นได้)
1 – 2 ซี่ เริ่ม 7,000
2. ฟันปลอมแบบติดแน่น

ฟันปลอมแบบนี้จะถูกยึดติดกับฟันธรรมชาติ โดยการกรอฟันเพื่อให้ฟันปลอมสามารถครอบทับได้อย่างแน่นหนา ฟันปลอมชนิดติดแน่นเหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันเพียงบางซี่ หรือคนที่ต้องการซ่อมแซมฟันที่เสียหาย โดยฟันปลอมแบบติดแน่นจะมี 2 แบบหลัก:
- ฟันปลอมแบบสะพานฟัน: เป็นการเชื่อมฟันปลอมเข้ากับฟันธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่
- ฟันปลอมแบบรากฟันเทียม: เป็นการฝังรากฟันเทียมเข้าไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อให้ฟันปลอมยึดติดได้อย่างมั่นคง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟันปลอมที่ใกล้เคียงฟันธรรมชาติและมีประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหาร
ฟันปลอมชนิดนี้มีความสวยงามใกล้เคียงฟันธรรมชาติและมีความแข็งแรง ทนทาน แต่ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าฟันปลอมชนิดถอดได้
ข้อดี
- สวยงามและเหมือนฟันธรรมชาติ
- แข็งแรงและทนทาน
- ประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
- ไม่เกิดความรำคาญขณะเคี้ยว
ข้อดี
- ราคาค่อนข้างแพง
- ถ้าทำความสะอาดไม่ดี อาจเกิดฟันผุใต้ครอบฟันได้
หากคุณกำลังตัดสินใจว่าควรใส่ฟันปลอมดีไหม สามารถดูคลิปวิดีโอด้านล่างที่อธิบายว่าคนที่เหมาะกับการใส่ฟันปลอมคือใคร และถ้าไม่ใส่จะมีผลอย่างไรต่อสุขภาพช่องปาก
ความแตกต่างระหว่างฟันปลอมถอดได้กับฟันปลอมติดแน่น
คงจะทราบกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าทั้งฟันปลอมแบบถอดได้และฟันปลอมแบบติดแน่นนั้นมี ความเป็นมาอย่างไร มีลักษณะอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสีย อะไรบ้าง
แต่เราเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนอาจจะอ่านแล้วยังมีคำถาม อยู่ในหัวว่า “ เอ๊ะ แล้วฟันปลอมทั้งสองชนิดนี้ต่างกันอย่างไร ” อยากให้สรุปให้ฟังหน่อย
สรุป ในส่วนของความแตกต่างระหว่างฟันปลอมแบบถอดได้และฟันปลอมแบบติดแน่นนั้น จะมีความแตกต่างอยู่ไม่มากก็น้อย ทั้งในเรื่องของการทำความสะอาด ประสิทธิภาพของฟันปลอม รวมไปถึงราคาที่มีความแตกต่างกัน หากใครที่กำลังมีความคิดที่อยากจะทำฟันปลอม ก็สามารถนำข้อมูล เหล่านี้มาเปรียบเทียบได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคนได้เลยนะคะ
ฟันปลอมถอดได้กับฟันปลอมติดแน่น ต่างกันอย่างไร? มาทำความเข้าใจกัน
หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “ฟันปลอมถอดได้” และ “ฟันปลอมติดแน่น” กันมาบ้างแล้ว แต่บางคนอาจจะยังสงสัยว่าทั้งสองประเภทนี้มันแตกต่างกันอย่างไร? ฟันปลอมชนิดไหนที่เหมาะสมกับเราที่สุด?
ฟันปลอมทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่การทำความสะอาด ไปจนถึงประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมถึงราคาที่ต่างกันด้วย การเลือกใช้ฟันปลอมก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
ถ้าคุณกำลังคิดจะทำฟันปลอม ลองพิจารณาข้อมูลเหล่านี้ดูนะคะ เพื่อให้เลือกฟันปลอมที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับการใช้งานของตัวเองได้ดีที่สุด
Q & A คำถามที่พบบ่อยๆ
การเลือกใส่ฟันปลอมไม่ใช่เรื่องที่ตอบได้ง่ายๆ เพราะมันขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล แต่ถ้าให้แนะนำ ฟันปลอมแบบติดแน่นจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากมันให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติทั้งในด้านการเคี้ยวและสีฟัน แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องฟันหลุดหรือเคลื่อนที่ขณะทานอาหาร ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
การจัดฟันกับฟันปลอมสามารถทำได้ แต่จะขึ้นอยู่กับประเภทของฟันปลอมที่คุณเลือก ถ้าเป็นฟันปลอมแบบครอบฟันหรือสะพานฟัน ก็สามารถจัดฟันได้ตามปกติ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษาฟันแต่อย่างใด
ในช่วงแรกอาจจะรู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองบ้าง แต่โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน ถ้าหากคุณเลือกใส่ฟันปลอมแบบครอบฟันหรือสะพานฟัน อาการเหล่านี้ก็จะค่อยๆ บรรเทาลง และไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานฟันปลอมในระยะยาว
ทุกคนต่างก็ต้องการรอยยิ้มที่มั่นใจและสวยงาม หากคุณเคยกังวลเกี่ยวกับฟันหลอหรือฟันที่ไม่สมบูรณ์ ฟันปลอมคือทางเลือกที่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับคุณได้แล้ว ตอนนี้คุณสามารถยิ้มได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวคำล้อหรือความไม่มั่นใจอีกต่อไป
ก่อนที่คุณจะเลือกใส่ฟันปลอม ควรคำนึงถึงประเภทของฟันปลอมที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น ฟันปลอมแบบถอดได้หรือแบบติดแน่น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกและงบประมาณของคุณด้วย สิ่งสำคัญคือต้องเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ และทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
ฟันปลอม คือ อวัยวะเทียมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปและเนื้อเยื่อเหงือกโดยรอบ ช่วยให้สามารถกลับมาบดเคี้ยวอาหาร พูดคุยได้ชัดเจน และมีรอยยิ้มที่สวยงามอีกครั้ง
ผู้ที่สูญเสียฟันไป ไม่ว่าจะซี่เดียว หลายซี่ หรือทั้งปาก จากสาเหตุต่างๆ เช่น ฟันผุรุนแรง, โรคเหงือก, อุบัติเหตุ หรืออายุที่มากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
แบ่งหลักๆ ได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ
- ฟันปลอมแบบถอดได้: คนไข้สามารถถอดออกมาทำความสะอาดเองได้ มีทั้งแบบบางส่วน (สำหรับคนที่ยังมีฟันจริงเหลืออยู่) และแบบทั้งปาก (สำหรับคนที่ไม่มีฟันเหลือเลย)
- ฟันปลอมแบบติดแน่น: จะยึดติดแน่นในช่องปาก ไม่สามารถถอดเองได้ เช่น สะพานฟัน หรือฟันปลอมที่ยึดบนรากฟันเทียม ให้ความรู้สึกใกล้เคียงฟันจริงที่สุด
มีหลายแบบ ที่นิยมคือ:
- ฐานพลาสติก (อะคริลิก): ราคาไม่สูง แต่ค่อนข้างหนาและอาจแตกหักได้
- ฐานโลหะ: แข็งแรง ทนทาน และบางกว่าฐานพลาสติก ทำให้รำคาญน้อยกว่า
ฐานพลาสติกแบบยืดหยุ่น (Valplast): มีความยืดหยุ่นสูง ใส่สบาย และสวยงามเพราะไม่มีตะขอโลหะ
เกิดผลเสียหลายอย่าง เช่น ฟันซี่ข้างๆ ล้มเอียงเข้าหาช่องว่าง, ฟันคู่สบงอกยาวลงมา, มีปัญหาการบดเคี้ยว, พูดไม่ชัด, รูปหน้าอาจดูแก่กว่าวัย และเสียความมั่นใจ
โดยทั่วไปสำหรับฟันปลอมแบบถอดได้ จะใช้เวลาประมาณ 3-5 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1-2 สัปดาห์ โดยมีขั้นตอนคือ ตรวจและพิมพ์ปากครั้งแรก, ลองโครงสร้าง, ลองเรียงฟัน, และสุดท้ายคือการใส่ฟันปลอมชุดจริงและปรับแก้ให้พอดี
ไม่จำเป็นเสมอไป หากฟันที่เหลืออยู่ยังแข็งแรงดี สามารถเก็บไว้เพื่อทำ “ฟันปลอมบางส่วน” ซึ่งจะช่วยยึดฟันปลอมให้แน่นขึ้นได้ แต่หากฟันที่เหลืออยู่มีสภาพไม่ดีโยกคลอนมาก ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ถอนออกเพื่อทำฟันปลอมทั้งปาก
ไม่ต้องกังวล ในกรณีที่ต้องถอนฟันหลายซี่ ทันตแพทย์สามารถทำ “ฟันปลอมชั่วคราว” หรือ “ฟันปลอมทันที” ให้ใส่ได้เลยในวันที่ถอนฟัน เพื่อให้คนไข้มีฟันใช้งานและไม่เสียบุคลิกภาพ
ในช่วงแรกจะรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในปาก อาจมีน้ำลายออกเยอะกว่าปกติ พูดไม่ค่อยถนัด หรือรู้สึกรำคาญบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยร่างกายจะใช้เวลาปรับตัวประมาณ 2-4 สัปดาห์ อาการเหล่านี้ก็จะค่อยๆ หายไป
ในช่วงแรกอาจจะจริง เพราะลิ้นยังไม่คุ้นชิน แต่สามารถฝึกได้ด้วยการลองอ่านออกเสียงบ่อยๆ เมื่อคุ้นเคยแล้วก็จะสามารถกลับมาพูดได้ชัดเจนตามปกติ
ฟันปลอมจะช่วยให้เคี้ยวได้ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนไม่มีฟัน แต่ประสิทธิภาพอาจไม่เท่าฟันจริง 100% แนะนำให้เริ่มจากการทานอาหารอ่อนๆ ก่อน ค่อยๆ ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ และเคี้ยวช้าๆ ทั้งสองข้างพร้อมกันเพื่อความสมดุล
หากฟันปลอมถูกทำมาอย่างดีและพอดีกับสันเหงือก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ครับ กาวติดฟันปลอมอาจช่วยเพิ่มความมั่นใจในบางสถานการณ์ แต่ไม่ควรใช้เพื่อแก้ปัญหาฟันปลอมหลวมนะ หากฟันปลอมหลวมควรกลับมาให้ทันตแพทย์แก้ไข
ควรถอดตอนนอนทุกครั้ง เพื่อให้เหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปากได้พักผ่อนและฟื้นฟูตัวเอง ลดความเสี่ยงของการเกิดเหงือกอักเสบและเชื้อราในช่องปาก
- ถอดออกมาแปรงทำความสะอาดทุกครั้งหลังมื้ออาหาร โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มกับน้ำสบู่อ่อนๆ (ห้ามใช้ยาสีฟัน เพราะจะทำให้ฟันปลอมสึกเป็นรอย)
- ตอนกลางคืนหลังทำความสะอาดแล้ว ให้แช่ฟันปลอมในน้ำสะอาด หรือน้ำยาสำหรับแช่ฟันปลอมโดยเฉพาะ
- อย่าลืมทำความสะอาดเหงือกและฟันจริงที่เหลืออยู่ด้วย
โดยเฉลี่ยประมาณ 5-7 ปี เมื่อเวลาผ่านไป สันเหงือกและกระดูกขากรรไกรของเราจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ฟันปลอมเริ่มหลวมและไม่พอดีเหมือนเดิม จึงจำเป็นต้องทำใหม่หรือเสริมฐานฟันปลอม
เมื่อฟันปลอมเริ่มหลวม, ใส่แล้วเจ็บ, เคี้ยวอาหารลำบาก, ตัวฟันปลอมเริ่มสึกหรือเปลี่ยนสี หรือสังเกตว่าใบหน้าดูเปลี่ยนแปลงไป ควรกลับมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็ก
ให้นำฟันปลอมที่ชำรุดนั้นกลับมาที่คลินิกทันตกรรม ห้ามซ่อมแซมด้วยกาวตราช้างเด็ดขาด เพราะสารเคมีอันตรายและจะทำให้ซ่อมแซมต่อไม่ได้ ทันตแพทย์จะประเมินว่าสามารถซ่อมได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องทำใหม่
มีข้อดีในเรื่องความสวยงาม (ไม่มีตะขอโลหะ) และความยืดหยุ่นทำให้ใส่สบายกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดคือไม่สามารถซ่อมแซมหรือเสริมฐานได้หากมีการเปลี่ยนแปลงของสันเหงือก