Invisalign เป็นวิธีการจัดฟันที่ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น ดารา หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ทั่วไป เนื่องจากมันแตกต่างจากการจัดฟันแบบดั้งเดิม เพราะใช้เทคโนโลยีการออกแบบฟันด้วยระบบคอมพิวเตอร์ 3D ที่สามารถคำนวณการเคลื่อนไหวของฟันไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ทำให้การจัดฟันในแต่ละขั้นตอนเหมาะสมกับแต่ละคนโดยเฉพาะ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันซ้อนเก ฟันยื่น ฟันล่างคร่อมฟันบน หรือฟันสบอ้า โดยเครื่องมือที่ใช้จะมีความใสและบางเบา ทำให้สามารถมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองได้ตลอดระยะเวลาการรักษา และยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

หลายคนอาจจะกลัวว่า การจัดฟันจะเจ็บ แต่สำหรับ Invisalign นั้น ระยะเวลาที่คุณอาจจะรู้สึกไม่สบายตัวจะอยู่ในช่วง 2-3 วันแรก หลังจากนั้นจะเริ่มรู้สึกดีขึ้น เป็นเรื่องปกติที่ในระยะนี้จะรู้สึกถึงแรงกดที่ฟัน เนื่องจากเครื่องมือกำลังทำงานเพื่อเคลื่อนย้ายฟันให้ตรงตามตำแหน่งที่ต้องการ

Invisalign สามารถเริ่มจัดได้ตั้งแต่ช่วงวัยเด็กในระยะฟันผสม (ฟันน้ำนมผสมกับฟันแท้) เพื่อลดปัญหาฟันผิดปกติ เช่น ฟันล่างคร่อมฟันบน หรือในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ในช่วงฟันแท้ เพื่อแก้ไขการเรียงตัวของฟันและปัญหาการสบฟัน นอกจากนี้ในผู้ใหญ่ยังสามารถใช้การจัดฟันแบบใสในการเตรียมฟันสำหรับการทำฟันอื่น ๆ เช่น การตั้งฟันสำหรับการใส่ฟันปลอม เป็นต้น

ไม่ว่าจะใช้วิธีการจัดฟันแบบใด การใส่รีเทนเนอร์หลังการรักษานั้นจำเป็น เพราะการจัดฟันแบบใสก็มีหลักการเดียวกันกับการจัดฟันแบบเหล็ก โดยใช้แรงกดเพื่อเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ต้องการ การใส่รีเทนเนอร์จะช่วยให้ฟันคงที่และไม่กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น

จัดฟันแบบใส Invisalign คืออะไร?

Invisalign (อินวิสไลน์) คือ ยี่ห้อของเครื่องมือจัดฟันแบบใสที่ถอดได้ (Clear Aligners) ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดทั่วโลก ไม่ใช่แค่ “การจัดฟันใส” ทั่วๆ ไป แต่เป็นนวัตกรรมการรักษาที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ 3 มิติขั้นสูงเข้ามาวางแผนการรักษาทั้งหมด

ข้อดี

1. สวยงาม แทบมองไม่เห็น

2. ถอดได้ สะดวกสบาย

3. สบายกว่า ไม่ระคายเคือง

4. เห็นผลลัพธ์ล่วงหน้า

5. พบทันตแพทย์ไม่บ่อย

ข้อเสีย

1. ต้องมีวินัยในตนเองสูงมาก

2. ค่าใช้จ่ายสูงกว่า

3. เสี่ยงต่อการสูญหายหรือชำรุด

4. อาจไม่เหมาะกับเคสที่ซับซ้อนสูงมาก

จัดฟันใส Invisalign เหมาะกับใครที่สุด?

1. กลุ่มคนทำงาน นักธุรกิจ และผู้บริหาร (Working Professionals) นี่คือกลุ่มที่นิยมจัดฟันใส Invisalign มากที่สุด เพราะการจัดฟันแทบจะไม่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการทำงานเลย คุณสามารถประชุม, พบปะลูกค้า, หรือนำเสนองานได้อย่างมั่นใจเต็มร้อย โดยไม่มีใครสังเกตเห็นว่ากำลังจัดฟันอยู่

2. กลุ่มคนที่ต้องใช้ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ (Image-Conscious Individuals) อาชีพที่ต้องอยู่หน้ากล้องหรือพบปะผู้คนตลอดเวลา เช่น ดารา, พิธีกร, แอร์โฮสเตส, Influencer, หรือฝ่ายบริการลูกค้า การจัดฟันแบบใสคือคำตอบที่ใช่ เพราะสามารถดูแลรอยยิ้มได้โดยไม่กระทบต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ

3. กลุ่มคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน (Pre-Wedding Couples) สำหรับว่าที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวที่อยากมีรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบที่สุดในวันสำคัญ Invisalign เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพราะสามารถจัดฟันไปพร้อมกับการเตรียมงานได้ และในวันงานก็สามารถถอดเครื่องมือออกเพื่อยิ้มและถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่

4. กลุ่มคนที่เคยจัดฟันมาแล้ว แต่ฟันเริ่มล้ม (Orthodontic Relapse) หลายคนที่เคยจัดฟันแบบเหล็กไปแล้วแต่ไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ฟันเคลื่อนกลับมาซ้อนเกหรือห่างอีกครั้ง Invisalign เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการแก้ไขปัญหานี้โดยไม่ต้องกลับไปติดเครื่องมือแบบเดิมๆ

5. กลุ่มคนที่ไม่ต้องการข้อจำกัดในการใช้ชีวิต (Lifestyle-Focused Individuals)

• สายกิน: สามารถถอดเครื่องมือออกเพื่อรับประทานอาหารและเครื่องดื่มได้ทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล็กหลุดหรือเศษอาหารติดเครื่องมือ

• สายออกกำลังกาย/นักกีฬา: ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในช่องปากจากเครื่องมือจัดฟัน

• สายท่องเที่ยว: พบทันตแพทย์ไม่บ่อย (ทุก 6-8 สัปดาห์) ทำให้ยืดหยุ่นต่อการเดินทางมากกว่า

6. กลุ่มคนที่มีวินัยในตนเองสูง (Highly Disciplined Individuals) หัวใจสำคัญที่สุดของความสำเร็จในการจัดฟันใสคือ วินัย ผู้ที่เหมาะกับการรักษานี้คือคนที่มีความรับผิดชอบสูง และมั่นใจว่าจะสามารถใส่เครื่องมือได้ตามที่ทันตแพทย์กำหนด (20-22 ชั่วโมงต่อวัน)

การดูแลรักษาฟันระหว่างจัดฟันแบบใส Invisalign นั้นมีความสำคัญมากเพื่อให้การรักษาเป็นไปตามแผนและป้องกันปัญหาช่องปาก นี่คือคำแนะนำหลัก ๆ ที่คุณควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

1. การสวมใส่เครื่องมือจัดฟันใส (Aligner)

• สวมใส่ให้ครบเวลา: ต้องใส่เครื่องมือจัดฟันใสอย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ถอดก่อนรับประทานอาหาร/ดื่มเครื่องดื่ม: ควรถอดเครื่องมือออกทุกครั้งก่อนกินอาหาร รวมถึงดื่มเครื่องดื่มที่มีสี (เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม) หรือเครื่องดื่มร้อน เพราะอาจทำให้เครื่องมือเปลี่ยนสีหรือเสียรูปทรงได้ (ยกเว้นน้ำเปล่าที่สามารถดื่มได้)

2. การดูแลความสะอาดช่องปากและฟัน

• แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทุกครั้ง: หลังรับประทานอาหารและก่อนใส่เครื่องมือกลับเข้าไป ต้องแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันให้สะอาด เพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ ป้องกันฟันผุและกลิ่นปาก เพราะเศษอาหารที่ติดอยู่ใต้เครื่องมือจะทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียได้ง่าย
• ใช้แปรงสีฟันขนอ่อน: ควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนในการแปรงฟัน เพื่อถนอมเนื้อฟันและเหงือก
• แปรงลิ้นด้วย: อย่าลืมแปรงลิ้นเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและลดปัญหากลิ่นปาก

3. การทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันใส

• ทำความสะอาดประจำวัน: ควรทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันใสเป็นประจำทุกวัน
  • ใช้แปรงสีฟันขนอ่อน: แปรงทำความสะอาดด้านในและด้านนอกของเครื่องมือด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำสบู่อ่อน ๆ
  • หลีกเลี่ยงยาสีฟัน: ไม่ควรใช้ยาสีฟันปกติในการแปรงทำความสะอาดเครื่องมือ เพราะอาจมีสารกัดกร่อนที่ทำให้พลาสติกขุ่นหรือเกิดรอยได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะสำหรับ Invisalign หรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์
• ใช้เม็ดฟู่ทำความสะอาด (Cleaning Tablets): แช่เครื่องมือในน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะสำหรับ Invisalign หรือเม็ดฟู่สำหรับทำความสะอาดรีเทนเนอร์/ฟันปลอม ตามคำแนะนำ (ประมาณ 3-5 นาที หรือตามที่ผลิตภัณฑ์กำหนด) เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและขจัดคราบสะสม
• ห้ามใช้น้ำร้อน: ห้ามล้างหรือแช่เครื่องมือในน้ำร้อน เพราะความร้อนจะทำให้พลาสติกเสียรูปทรง
• เก็บในกล่องเสมอ: เมื่อถอดเครื่องมือออก ไม่ว่าจะรับประทานอาหารหรือแปรงฟัน ให้เก็บไว้ในกล่องที่มาพร้อมกับชุดจัดฟันเสมอ เพื่อป้องกันการสูญหาย การแตกหัก และสิ่งสกปรก

4. ข้อควรระวังเพิ่มเติม

• ห้ามกัดหรือเคี้ยวของแข็งขณะใส่: อย่าเคี้ยวหรือกัดของแข็งขณะที่ใส่เครื่องมือจัดฟันใสอยู่ เพราะอาจทำให้เครื่องมือแตกเสียหายได้
• พบทันตแพทย์ตามนัด: การไปพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณหมอติดตามผลการรักษา ประเมินความคืบหน้า และมอบชุดเครื่องมือชุดถัดไปตามแผนเสมอ

ในบางกรณีที่มีความซับซ้อนสูงมากๆ เช่น ต้องมีการเคลื่อนรากฟันเยอะๆ หรือต้องถอนฟันหลายซี่เพื่อดึงฟันในระยะไกล ทันตแพทย์อาจแนะนำการจัดฟันแบบติดแน่นซึ่งสามารถควบคุมฟันได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีปัจจุบันพัฒนาไปมาก ควรให้ทันตแพทย์เป็นผู้ประเมินจะดีที่สุด

คือเทคโนโลยีหัวใจของการจัดฟันใสครับ การสแกน 3 มิติ (3D Scan) จะสร้างภาพฟันของคุณในคอมพิวเตอร์ ส่วน ClinCheck คือซอฟต์แวร์ที่จะแสดงแผนการรักษาทั้งหมดเป็นวิดีโอ 3 มิติ ทำให้คุณสามารถเห็นภาพการเคลื่อนที่ของฟันและผลลัพธ์สุดท้ายได้ “ก่อน” ที่จะเริ่มการรักษาจริง

ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละเคสครับ มีตั้งแต่ 6 เดือนในเคสที่ไม่ซับซ้อน ไปจนถึง 1.5 – 2 ปี ในเคสที่ซับซ้อน ซึ่งโดยรวมแล้วอาจใช้เวลาน้อยกว่าการจัดฟันแบบติดแน่นในบางกรณี

 นี่คือวินัยที่สำคัญที่สุดครับ คือต้องใส่ 20-22 ชั่วโมงต่อวัน โดยจะถอดออกได้เฉพาะตอนรับประทานอาหาร, ดื่มเครื่องดื่ม (ยกเว้นน้ำเปล่า) และตอนแปรงฟันเท่านั้น

ไม่มีข้อจำกัดเรื่องประเภทอาหารเลยครับ เพราะคุณต้องถอดเครื่องมือก่อนทานเสมอ สามารถทานของแข็งของเหนียวได้ตามปกติ แต่ห้ามใส่เครื่องมือขณะเคี้ยวอาหาร และควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีสีหรือน้ำตาลขณะใส่เครื่องมือ เพราะอาจทำให้เครื่องมือติดสีและเสี่ยงฟันผุได้

 ทุกครั้งที่ถอดเครื่องมือเพื่อทานอาหาร ควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันให้สะอาดก่อนใส่กลับเข้าไปใหม่เสมอ ส่วนตัวเครื่องมือ Aligner ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดและแปรงเบาๆ ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม

ในช่วง 2-3 วันแรกที่ใส่ อาจรู้สึกว่าพูดไม่ชัดเล็กน้อย (lisp) เพราะลิ้นยังไม่คุ้นชิน แต่ร่างกายจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็วครับ และเนื่องจากเครื่องมือแทบจะมองไม่เห็น จึงแทบไม่มีผลกระทบต่อการเข้าสังคมหรือความมั่นใจเลย

Attachments คือปุ่มเล็กๆ ที่ทำจากวัสดุสีเหมือนฟัน ทำหน้าที่เป็น “มือจับ” ให้ Aligner สามารถส่งแรงไปยังฟันซี่นั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยในการเคลื่อนฟันที่ยากๆ เช่น การหมุนฟัน หรือการดึงฟัน คนไข้ส่วนใหญ่จำเป็นต้องติด Attachments

ไม่มีความเจ็บจากการระคายเคืองของเหล็กและลวด แต่จะรู้สึก “ตึงๆ” หรือ “แน่นๆ” ที่ฟันในช่วง 1-2 วันแรกของการเปลี่ยน Aligner ชุดใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าฟันกำลังเคลื่อนที่

ให้รีบติดต่อคลินิกทันทีครับ อย่าใส่ชิ้นเก่าหรือข้ามไปใส่ชิ้นถัดไปเอง คุณหมอจะแนะนำวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งอาจจะเป็นการกลับไปใส่ชิ้นก่อนหน้า หรือสั่งผลิตชิ้นใหม่

เพราะการจัดฟันใสไม่ใช่แค่การสแกนฟันแล้วจบ แต่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของทันตแพทย์ในการวางแผนการรักษา, การออกแบบตำแหน่ง Attachments, และการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง ประสบการณ์ของทันตแพทย์คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาของคุณออกมาดีที่สุด