รากฟันเทียม
เลือกหัวข้อรากฟันเทียม
iDentist Dental Clinic
รากฟันเทียม
รากฟันเทียมคืออะไร
การฝังรากฟันเทียมเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้ผลลัพธ์การใช้งานเสมือนฝันธรรมชาติต้องทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโดยจะฝันวัสดุไทเทเนี่ยมที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันลงบนกระดูกขากรรไกร เมื่อฝังรากเทียมบนกระดูกขากรรไกรจนได้เวลา 3-6 เดือน เพื่อให้รากฟันยึดติดกับกระดูกขากันไกลได้ดีหลังจากนั้นจึงใส่เดือยรองรับครอบฟันลงบนรากเทียมเพื่อใช้เป็นที่รองรับการครอบฟันต่อไป
ทำรากฟันเทียม + ครอบฟัน
เริ่มเพียง 29,000 บาท จาก ราคาเต็ม 40,000 บาท
เรามีจุดมุ่งหมายทำราคารากฟันเทียมให้สามารถทำกันได้อย่างทั่วถึง
ให้บริการทำรากฟันเทียมโดยทีมทันตแพทย์ที่มากด้วยประสบการณ์และปฎิบัติงานประจำอยู่ที่โรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งใน กรุงเทพ
เราใช้วัสดุรากฟันเทียมที่มีคุณภาพระดับโลกอย่างเช่น Osstem, Straumann

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
– ยิ้มได้ด้วยความมั่นใจ
– รับประทานอาหารได้ทุกชนิดที่คุณชื่นชอบ
– พูดจาชัดถ้อยชัดคำที่เป็นธรรมชาติ
– เพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว
– ทำให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น
–บูรณะโครงสร้างของใบหน้าให้เกิดความสมบูรณ์แบบ
– เชื่อมั่นในตนเองและทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี
ทีมงานและทันตแพทย์ของเรา
มีความเชี่ยวชาญระดับสูงด้านการทำรากฟันเทียม

D.D.S. Kantanut Chutwarutana
(คุณหมอฟ่ง)
ทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิต – มหาวิทยาลัยมหิดล
ปริญญาโท สาขาทันตกรรมรากเทียม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Master of Science Implantology and Dental Surgery, International Medical College, Germany

ทพญ. ปารย์รวี ถนอมศักดิ์ชัย
(หมอแก๊ม)
ทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (เกียรตินิยมอันดับ1)
วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ทันตแพทยศาสตร์) – ทันตกรรมประดิษฐ์

ทพญ. รัชกร วรรณตระกูล
(หมอเนเน่)
ทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2556 – มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2563 สาขาศัลยกรรมช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล – โรงพยาบาลชลบุรี

ทพ. ยอดมงคล ศรีอรุโณทัย
(หมอยอด)
ทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2560 – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ2)
ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2562 สาขาศัลยกรรมช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
CE Implantology 2563 – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม
แบ่งชำระได้ภายใน 1-3 เดือนแล้วแต่เคส
1. ปรึกษาทันตแพทย์ (ไม่มีค่าใช่จ่าย)
2. ทำการเอ็กซเรย์เพื่อประเมินความหนาของกระดูก
3. ทำการฝังรากฟันเทียม OSSTEM หรือ อื่นๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการคนไข้และรอเวลาให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกค้าตั้งไกลได้ดีประมาณ 3-6 เดือน สำหรับฟันบนและ 2-3 เดือนสำหรับฟันล่าง
4. ทำการครอบฟันโดยการครอบฟันนั้นจะมีรูปร่างลักษณะและสีสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติหลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดเช็คเพิ่มเพื่อติดตามผลต่อไป
ผลกระทบจากการสูญเสียฟันที่คุณอาจไม่เคยรู้
การสูญเสียฟันหนึ่งซี่ หรือหลายซี่ที่ไม่ได้รับการรักษาโดยการใส่ฟันเทียมในเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันที่ไม่คาดคิด ดังนี้:
- ฟันข้างเคียงพยายามย้ายที่
ฟันข้างเคียงจะพยายามเคลื่อนที่มาเพื่อปิดช่องว่าง ส่งผลให้ฟันที่เหลืออาจเอียงหรือหลุดง่าย อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้เกิดโรคเหงือกหรือโรคปริทันต์ เนื่องจากการเคลื่อนที่ทำให้เกิดการเสียดสีและความเสียหายตามมา จนต้องถอนฟันอีกซี่หนึ่ง - ฟันคู่สบเคลื่อนที่
ฟันคู่สบที่ขาดการเคลื่อนไหวตามปกติ จะพยายามย้ายมาที่ช่องว่างนั้น ทำให้ฟันยื่นออกมา หรือเกิดอาการเสียวฟัน หากปล่อยไว้นาน อาจต้องถอนฟันซี่นั้นออก - ฟันที่เหลือถูกใช้งานหนักเกินไป
เมื่อฟันจำนวนลดลง แต่ต้องรับแรงบดเคี้ยวเท่าเดิม ฟันที่เหลืออยู่จะได้รับแรงที่มากเกินไป จนอาจเกิดการแตกหรือเสียหายได้ - การเปลี่ยนแปลงของใบหน้า
การสูญเสียฟันโดยเฉพาะฟันหลัง ที่มีบทบาทในการบดเคี้ยวจะทำให้ใบหน้าเสียสมดุล ดูมีริ้วรอยหรือยุบลงจากการสูญเสียความสูงของฟัน - ความมั่นใจหายไป
การสูญเสียฟันหน้า หรือฟันที่มองเห็นได้ง่ายอาจทำให้คุณรู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะเวลายิ้มแล้วเห็นช่องว่างในปาก
รากฟันเทียม (Implant) แก้ไขปัญหาฟันหายไปได้อย่างไร
การใส่รากฟันเทียม (Implant) เมื่อฟันหายไป จะช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นได้หลากหลาย:
- ช่วยป้องกันฟันข้างเคียงเคลื่อนตัว
รากฟันเทียมจะทำหน้าที่แทนฟันที่หายไป และป้องกันไม่ให้ฟันข้างเคียงเคลื่อนที่มาปิดช่องว่าง ซึ่งจะช่วยรักษารูปทรงของฟันและป้องกันการเสียหายเพิ่มเติม - ป้องกันการเคลื่อนที่ของฟันคู่สบ
การใส่รากฟันเทียมสามารถช่วยฟันคู่สบไม่ให้เคลื่อนตัวมาและทำให้เกิดปัญหาฟันยื่นหรือเสียวฟัน ซึ่งจะช่วยลดการเกิดการถอนฟันซี่ที่มีปัญหา - ลดแรงกดที่ฟันที่เหลือ
รากฟันเทียมช่วยกระจายแรงบดเคี้ยวให้เหมาะสม ไม่ทำให้ฟันที่เหลืออยู่ต้องรับแรงมากเกินไป ซึ่งจะช่วยป้องกันการแตกหักของฟัน - คืนความสมดุลให้ใบหน้า
การใส่รากฟันเทียมช่วยรักษาความสูงของฟันที่หายไป ทำให้ใบหน้าไม่ยุบลงและดูอ่อนเยาว์ขึ้น - เพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม
ฟันเทียมทำให้คุณกลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามเหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลเรื่องช่องว่างที่ทำให้ขาดความมั่นใจเวลาเปิดปาก
การใส่รากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่ดีในการแก้ไขปัญหาฟันหายไป และช่วยคืนความสมบูรณ์ให้กับฟันและสุขภาพช่องปากของคุณ
ใครบ้างที่เหมาะกับการใส่รากฟันเทียม?
- ผู้ที่สูญเสียฟันและไม่ต้องการใช้ฟันปลอมแบบถอดได้
- ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวที่สามารถควบคุมได้ และสามารถเข้ารับการฝังรากฟันเทียม รวมถึงมาตามนัดได้อย่างสม่ำเสมอ
รากฟันเทียมประกอบด้วยอะไรบ้าง?
- Implant body หรือ Fixture: ส่วนนี้ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรใต้เหงือก ทำหน้าที่เหมือนรากฟันจริง โดยมีลักษณะคล้ายสกรู
- Implant Abutment: ส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับตัวครอบฟันที่ใช้ทดแทนโครงสร้างฟัน ต่อจากส่วนของ body
- Crown: ฟันเทียมที่ทำจากเซรามิก ซึ่งมีสีและรูปร่างคล้ายฟันธรรมชาติ
- Prosthetic component: ส่วนของฟันเทียมที่ใช้ในการประดิษฐ์ เช่น ครอบสะพาน ซึ่งจะติดตั้งด้วยกาวทันตกรรม
ประเภทของรากฟันเทียม
- รากฟันเทียมแบบ 1 ซี่ (Single Tooth Implant): ใช้แทนฟันซี่เดียวที่สูญหาย
- รากฟันเทียมหลายซี่ (Multiple Dental Implants): ใช้เมื่อมีการสูญเสียฟันหลายซี่
- รากฟันเทียมรองรับสะพานฟัน (Implants Support Bridge): ใช้ในการทำสะพานฟันเมื่อสูญเสียฟันหลายซี่
- รากฟันเทียมแบบครบทั้งปาก (Implants Over Denture): ใช้แทนฟันที่หายไปทั้งปากและรองรับฟันปลอม
- รากฟันเทียมทั้งปากแบบ All on 4: การฝังรากฟันเทียมทั้งหมดในปากโดยใช้เพียง 4 รากฟัน
ทำรากฟันเทียมใน สะดวก รวดเร็ว วันเดียวเสร็จ
การทำรากฟันเทียมภายใน 1 วัน หรือที่เรียกว่า one day implant เป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วกว่าการทำรากฟันเทียมแบบดั้งเดิม เพราะสามารถทำได้ครบทุกขั้นตอนในวันเดียว โดยในวันทำการรักษา แพทย์จะถอนฟันที่ต้องการแล้วฝังรากฟันเทียมเข้าไป พร้อมทั้งใส่ครอบฟันชั่วคราวเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้งานได้ทันทีในวันนั้น เช่น การพูดและยิ้มอย่างมั่นใจทันที แต่การทำรากฟันเทียมในวันเดียวไม่เหมาะกับทุกคน เพราะต้องพิจารณาความเหมาะสมตามปัจจัยหลายด้าน เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด
ประเภทของรากฟันเทียม
รากฟันเทียมสามารถแบ่งประเภทตามระยะเวลาในการใส่รากฟันและครอบฟันหลังจากการถอนฟัน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- Conventional Implant (แบบดั้งเดิม)
เป็นวิธีที่ใช้เวลานานที่สุด โดยหลังจากถอนฟันแล้ว จะต้องรอประมาณ 3-6 เดือนเพื่อให้กระดูกที่ถูกถอนฟื้นตัวและสมานตัวอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นจึงฝังรากฟันเทียม และรออีก 3-6 เดือน เพื่อให้กระดูกยึดติดกับรากฟันเทียม จากนั้นถึงจะทำครอบฟันให้เสร็จ - Immediate Implant Placement (ใส่รากฟันเทียมทันที)
วิธีนี้สามารถลดระยะเวลาได้มากกว่าการทำแบบแรก โดยหลังจากถอนฟันแล้ว สามารถฝังรากฟันเทียมทันที โดยไม่ต้องรอให้กระดูกหายก่อน หลังจากนั้นต้องรอ 3-6 เดือนเพื่อให้กระดูกยึดติดกับรากฟันเทียม ก่อนจะทำการใส่ครอบฟัน เหมาะสำหรับฟันที่มีกระดูกเพียงพอ ทั้งฟันหน้าและฟันหลัง ซึ่งแพทย์จะต้องประเมินสถานการณ์ผ่าน X-ray 3 มิติ เพื่อให้การรักษาประสบผลสำเร็จ - Immediate Loaded Implant (ใส่รากฟันเทียมและครอบฟันในวันเดียว)
วิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและประหยัดเวลา เพราะสามารถใส่ทั้งรากฟันเทียมและครอบฟันในวันเดียวกันได้เลย แต่ต้องมีการประเมินอย่างรอบคอบจากแพทย์เกี่ยวกับสภาพกระดูกและฟัน โดยจะต้องพิจารณาความคาดหวังของผู้ป่วยและความเป็นไปได้ในการรักษาของแต่ละคน
การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการประเมินอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมที่ง่ายและครบวงจร
การฝังรากฟันเทียม
- เริ่มต้นด้วยการนัดหมายปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา ในการนัดหมายครั้งนี้ ทันตแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพช่องปากและกระดูก รวมถึงถ่ายภาพเอกซเรย์ (X-ray) เพื่อประเมินความพร้อมของกระดูก สำหรับกรณีที่ต้องฝังรากฟันเทียมหลายตัว ทันตแพทย์จะใช้การพิมพ์ฟันเพื่อออกแบบแผนการรักษาอย่างละเอียด รวมถึงการสร้างเครื่องมือช่วยในการผ่าตัด (surgical guide) เพื่อให้การฝังรากฟันเทียมแม่นยำยิ่งขึ้น
- ทันตแพทย์จะอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการทำศัลยกรรมเสริมกระดูก (bone graft) หรือการยกผนังไซนัส (maxillary sinus lifting) หากจำเป็น พร้อมทั้งแจ้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและนัดหมายวันฝังรากฟันเทียม
การเตรียมตัวก่อนการฝังรากฟันเทียม
- ให้พักผ่อนเพียงพอและรับประทานยาประจำตัวตามปกติ
- ทำใจให้สบายเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
- ในวันฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หากต้องทำศัลยกรรมเสริมอื่น ๆ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะเย็บแผลและนัดมาตัดไหมหลังจาก 1 สัปดาห์
การใส่ครอบฟัน
- หลังจากฝังรากฟันเทียมไปแล้ว 3-6 เดือน รอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกแล้ว ทันตแพทย์จะนัดให้ทำการใส่ครอบฟัน
- ในขั้นตอนนี้ ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟันบริเวณที่ฝังรากฟันเทียม และส่งไปยังห้องแลปเพื่อทำครอบฟันเทียม
- หลังจากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะนัดมาใส่ครอบฟันเทียม
- การตรวจเช็คสภาพรากฟันเทียมจะมีการนัดหมายเป็นระยะ ๆ เช่น 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน และทุกปีหลังจากนั้น เพื่อให้มั่นใจว่ารากฟันเทียมอยู่ในสภาพดี
การดูแลรักษารากฟันเทียมอย่างเหมาะสมและการติดตามอาการหลังการทำฟันเทียมเป็นส่วนสำคัญในการยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียม การรักษาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้กระดูกรอบรากฟันเทียมแข็งแรงและสมบูรณ์อยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้ฟันเทียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ราคารากฟันเทียม หลายคนที่สนใจทำรากฟันเทียมอาจสงสัยเกี่ยวกับราคา โดยราคาของการทำรากฟันเทียมจะแตกต่างกันไปตามสภาพปัญหาช่องปากและความต้องการของผู้ป่วย หากผู้ป่วยไม่สะดวกจ่ายเงินเต็มจำนวน ทางคลินิกสามารถจัดบริการผ่อนชำระเป็นรายงวด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
ยี่ห้อรากฟันเทียมที่นิยมใช้
- Osstem (จากเกาหลีใต้): จุดเด่นของรากฟันเทียม Osstem คือคุณภาพที่สูงและความทนทานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้การยึดเกาะกับกระดูกแน่นหนาและยาวนาน มักจะเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการทำรากฟันเทียมที่มีคุณภาพดี ราคาไม่แพง ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการทำรากฟันเทียมได้มากยิ่งขึ้น
- Hiossen (จากสหรัฐอเมริกา): รากฟันเทียม Hiossen มีจุดเด่นที่ความเสถียรและการออกแบบที่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูฟันที่หายไปในทุกกรณี
- Astra Tech (จากสวีเดน): รากฟันเทียมจาก Astra Tech เป็นที่รู้จักในด้านความแม่นยำในการทำงานและการใช้งานวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับการยึดติดกับกระดูกได้อย่างมั่นคง
- Straumann (จากสวิตเซอร์แลนด์): รากฟันเทียม Straumann ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตที่มีมาตรฐานสูงและการยึดเกาะที่มั่นคง ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน ทุกแบรนด์จะใช้ร่วมกับครอบฟันที่ทำจากเซรามิก 100% โดย Astra Tech และ Straumann มักจะเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการทำรากฟันเทียมที่มีความทนทานและความสวยงามสูง รวมถึงการรับประกันรากฟันเทียมตลอดอายุการใช้งาน
ระยะเวลาการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมจะใช้เวลา 2 ขั้นตอนหลัก ขั้นตอนแรกคือการฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของกระดูกและสภาพร่างกายของผู้ป่วย หากกระดูกไม่แข็งแรงอาจต้องใช้เวลานานขึ้น หรืออาจมีการเสริมกระดูกก่อน หลังจากที่รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกได้ดีแล้ว ขั้นตอนที่สองจะเป็นการติดตั้งฟันปลอมบนรากฟันเทียมที่พร้อมใช้งานแล้ว
การทำงานของรากฟันเทียม
รากฟันเทียมทำจากวัสดุที่มีความทนทานสูง เช่น ไททาเนียมหรือเซรามิก และมีลักษณะคล้ายสกรู ซึ่งเมื่อติดตั้งลงในขากรรไกรแล้ว จะทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับการติดตั้งครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม เพื่อทดแทนฟันเดิม โดยใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพกระดูกขากรรไกร จำนวนฟันที่ต้องการทำการปลูกฝัง และประเภทของรากฟันเทียมที่เลือกใช้
การเตรียมตัวก่อนการทำรากฟันเทียม
- ปรึกษากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการวางแผนการรักษา เช่น จำนวนรากฟันเทียมที่ต้องใส่ และความจำเป็นในการปลูกกระดูกเพิ่มเติม
- แจ้งโรคประจำตัว หากมี เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมก่อนการทำรากฟันเทียม
- การถ่าย X-ray 3 มิติ อาจจำเป็นในกรณีที่ต้องใส่รากฟันเทียมหลายซี่ หรือมีกระดูกขากรรไกรที่เสื่อมสภาพไปมาก เพื่อช่วยวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ
การดูแลรักษารากฟันเทียมให้ยาวนาน
- รักษาความสะอาดช่องปาก: การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียม
- ตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์: อย่าลืมไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อการดูแลที่ดีที่สุด
- ระมัดระวังการเคี้ยวอาหาร: หลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งเพื่อไม่ให้รากฟันเทียมได้รับแรงกระแทก
- เลือกวัสดุและผู้เชี่ยวชาญ: การเลือกใช้รากฟันเทียมคุณภาพดีและการทำกับทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหาหลังการรักษา
ปัจจุบัน รากฟันเทียมถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูสุขภาพฟัน เนื่องจากมันไม่เพียงช่วยให้การทดแทนฟันหายไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ใส่ ทั้งในการพูด ยิ้ม และเข้าสังคมโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟัน
รากฟันเทียม vs สะพานฟัน
- ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง: เมื่อทำรากฟันเทียม เราไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียงเหมือนกับสะพานฟัน ซึ่งช่วยรักษาสภาพฟันข้างเคียงไว้ได้
- ปัญหาการทำความสะอาด: การกรอฟันข้างเคียงอาจทำให้เกิดการสะสมของคราบและนำไปสู่การผุในอนาคต ถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดี
- ความสะดวกในการดูแล: การทำความสะอาดรากฟันเทียมค่อนข้างง่ายกว่าสะพานฟัน เพราะสามารถใช้ไหมขัดฟันได้สะดวก ข้อเสียของรากฟันเทียมคือ การใช้เวลาทำที่นานกว่า เนื่องจากต้องมีการผ่าตัดฝังรากเทียม แต่ในแง่ของราคา ในปัจจุบันมีความแตกต่างไม่มากเหมือนในอดีต ทำให้รากฟันเทียมมีความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
รากฟันเทียม vs ฟันปลอมถอดได้
- ติดแน่นถาวร: รากฟันเทียมเป็นฟันปลอมที่ติดแน่น ไม่ต้องถอดออกเมื่อไม่ได้ใช้งาน
- ความสวยงาม: รากฟันเทียมสามารถทำเป็นวัสดุเซรามิกที่มีความสวยงามและใสเหมือนฟันธรรมชาติ ขณะที่ฟันปลอมถอดได้มักใช้วัสดุอะคริลิกที่อาจไม่เหมือนฟันจริง
- ประสิทธิภาพการเคี้ยว: รากฟันเทียมให้ประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารได้ดีกว่า เพราะมันยึดอยู่ในกระดูกอย่างถาวร
อย่างไรก็ตาม รากฟันเทียมมีราคาที่สูงกว่าฟันปลอมถอดได้ แต่ข้อดีในแง่ของความสะดวกสบายและความสวยงามนั้นถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ข้อดีและข้อจำกัดของการปลูกรากฟันเทียม
ข้อดีของการปลูกรากฟันเทียม
- เพิ่มความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพ
การปลูกรากฟันเทียมช่วยให้คุณสามารถยิ้มและพูดได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลกับการหายของฟันที่หายไป - สุขภาพช่องปากดีขึ้น
ด้วยโครงสร้างฟันที่แข็งแรง รากฟันเทียมช่วยให้เหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปากได้รับการรักษาและฟื้นฟูให้แข็งแรงขึ้น - สามารถเคี้ยวอาหารได้สะดวก
การปลูกรากฟันเทียมทำให้การเคี้ยวอาหารกลับมาง่ายและสะดวกเหมือนเดิม คุณจะสามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ - พูดและออกเสียงได้ชัดเจน
รากฟันเทียมช่วยให้การพูดเป็นธรรมชาติและชัดเจนยิ่งขึ้น ลดปัญหาเสียงไม่ชัดจากการขาดฟัน - ลดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟัน
การปลูกรากฟันเทียมช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟันหลุดหรือไม่เหมาะสมกับการใช้งาน
ข้อจำกัดของการปลูกรากฟันเทียม
- ราคาค่อนข้างสูง
การปลูกรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการใส่ฟันปลอมแบบอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับบางคน - ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก
การปลูกรากฟันเทียมไม่สามารถทำได้ในผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากกระดูกและเนื้อเยื่อยังไม่พัฒนาเต็มที่ - ข้อจำกัดสำหรับผู้มีโรคประจำตัว
ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดอาจมีความเสี่ยงหรือข้อจำกัดในการทำรากฟันเทียม - ผู้สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์จัดอาจมีความเสี่ยงในการฟื้นฟูและการยึดเกาะของรากฟันเทียม
Q & A คำถามที่พบบ่อยๆ
รากฟันเทียมสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 10-20 ปีหรือมากกว่านั้น หากได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี เช่น การทำความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ (แปรงฟันอย่างถูกวิธีพร้อมการใช้ไหมขัดฟัน), การหลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งเกินไป เพราะอาจทำให้ครอบรากฟันเทียมเกิดการแตกหักได้ และการตรวจเช็คสภาพรากฟันเทียมกับทันตแพทย์เป็นประจำ ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ดี
การทำรากฟันเทียมไม่เจ็บอย่างที่หลายคนคิด เพราะการควบคุมความเจ็บปวดสามารถทำได้ง่ายๆ โดยแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ ระหว่างการทำรากฟันเทียมและหลังจากทำเสร็จ ในระหว่างการทำ คุณหมอจะมีวิธีช่วยให้เราไม่รู้สึกเจ็บมาก และหลังการทำ จะมีการให้ยาแก้ปวดตามที่คุณหมอสั่ง หากทานยาอย่างถูกต้องก็จะช่วยลดอาการเจ็บปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถทำรากฟันเทียมได้ เนื่องจากกระดูกขากรรไกรจะมีการเจริญเติบโตจนถึงจุดที่พร้อมรับการปลูกถ่ายรากฟันเทียมแล้ว
การทำรากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่จำเป็นเมื่อพบปัญหาฟันที่ไม่สมบูรณ์หรือหายไป เช่น ฟันหักจากอุบัติเหตุ, ฟันห่าง, หรือฟันที่ต้องจัดใหม่ แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่นๆ รากฟันเทียมจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยทดแทนฟันจริงให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ
รากฟันเทียม (Dental Implant) คือ การรักษาเพื่อ ทดแทนฟันธรรมชาติ ที่สูญเสียไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและถาวรที่สุดในปัจจุบัน
- รากฟันเทียม (Dental Implant) ทดแทนรากฟันด้วยไทเทเนียมที่ฝังในกระดูก
- สะพานฟัน (Dental Bridge) นำครอบฟัน 3 ชิ้น (ครอบฟัน 2 ซี่สำหรับฟันข้างเคียง + ฟันปลอม 1 ซี่ตรงช่องว่าง) มาเชื่อมต่อกัน โดยต้อง กรอเนื้อฟัน ธรรมชาติข้างเคียงออกเพื่อใช้เป็นหลักยึด
- ฟันปลอมชนิดถอดได้ (Removable Denture) ชิ้นงานพลาสติกหรือโลหะที่วางพาดอยู่บนเหงือก และอาจมีตะขอเกี่ยวยึดกับฟันที่เหลืออยู่
การสูญเสียฟันหนึ่งซี่หรือมากกว่านั้น ก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ทั้งด้านสุขภาพช่องปาก ร่างกาย และจิตใจในระยะยาว การใช้รากฟันเทียมเป็นการแก้ไขที่ครอบคลุมและใกล้เคียงฟันธรรมชาติที่สุด
- การทำความสะอาดช่องปากเป็นพิเศษ แปรงสีฟัน,ไหมขัดฟันสำหรับรากเทียม,แปรงซอกฟัน,เครื่องพ่นน้ำ
- การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต งดสูบบุหรี่และลดแอลกอฮอล์ ,หลีกเลี่ยงอาหารแข็งและเหนียว ,แก้ไขภาวะนอนกัดฟัน
- การพบทันตแพทย์เป็นประจำ ตรวจเช็กสม่ำเสมอ , การขูดหินปูนเฉพาะทาง
รากฟันเทียมแบบวันเดียว (One Day Implant) หรือที่เรียกว่า การปลูกรากเทียมแบบทันที (Immediate Implant Placement) คือเทคนิคทางทันตกรรมที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถ ถอนฟัน ฝังรากฟันเทียม และใส่ฟันชั่วคราว (Temporary Crown) ได้เสร็จสิ้นภายในวันเดียว
เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันไป 1 ซี่, หลายซี่, หรือทั้งปาก และมีสุขภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรง มีปริมาณกระดูกขากรรไกรเพียงพอ และดูแลสุขภาพช่องปากได้ดี
ทำจากโลหะไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุทางการแพทย์ (Medical Grade) ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าปลอดภัย สามารถเข้ากับเนื้อเยื่อของร่างกายได้ดีมาก (Biocompatible) และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
ใช่ นี่คือข้อดีที่สุดของรากฟันเทียมเลย เพราะยึดติดแน่นกับกระดูกขากรรไกร ทำให้มีแรงบดเคี้ยวและความรู้สึกใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด สามารถทานอาหารได้ทุกอย่างและยิ้มได้อย่างมั่นใจ
โดยหลักๆ มี 3 ขั้นตอนครับ
- ขั้นที่ 1: วางแผนและฝังรากฟันเทียม: ทันตแพทย์จะ X-ray และ CT Scan เพื่อวางแผน จากนั้นจะผ่าตัดเล็กเพื่อฝังรากเทียมลงในกระดูก
- ขั้นที่ 2: ระยะพักและรอการยึดติด: รอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูก (Osseointegration) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-6 เดือน
- ขั้นที่ 3: ใส่ครอบฟัน: เมื่อรากเทียมยึดแน่นดีแล้ว ทันตแพทย์จะพิมพ์ปากและทำครอบฟันที่สวยงามเหมือนฟันจริงมายึดติดบนรากเทียม
โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 3-9 เดือน ตั้งแต่วันแรกที่ฝังรากเทียมจนถึงวันที่ใส่ครอบฟันเสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพกระดูกและสุขภาพของแต่ละบุคคล
รากฟันเทียมถูกออกแบบมาให้มีความทนทานสูงมาก หากได้รับการดูแลรักษาความสะอาดอย่างดีและมาตรวจเช็กกับทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน ก็สามารถอยู่กับเราได้นาน 20-30 ปี หรือตลอดชีวิตเลย
ไม่ยุ่งยากเลย สามารถดูแลได้เหมือนฟันธรรมชาติ คือ แปรงฟันให้สะอาด, ใช้ไหมขัดฟัน หรือแปรงซอกฟันทำความสะอาดบริเวณรอบๆ รากเทียมเป็นประจำ
ควรประคบเย็นเพื่อลดบวม, ทานอาหารอ่อนๆ, ทานยาตามที่ทันตแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด, และหลีกเลี่ยงการบ้วนปากแรงๆ หรือใช้หลอดดูดในวันแรกๆ
การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้อัตราความสำเร็จของรากฟันเทียมลดลง เพราะส่งผลต่อการหายของแผลและการยึดติดของกระดูก หากต้องการทำรากฟันเทียม ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวางแผนการหยุดสูบบุหรี่
โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก (น้อยกว่า 2-3%) เนื่องจากวัสดุไทเทเนียมเข้ากับร่างกายได้ดีมาก แต่ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ, การดูแลความสะอาดไม่ดี, หรือโรคประจำตัวบางอย่าง อาจส่งผลต่อความสำเร็จได้
เนื่องจากค่าใช้จ่ายประกอบด้วยหลายส่วน ทั้งตัววัสดุรากฟันเทียมและครอบฟันที่ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง, ค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย, รวมถึงต้องอาศัยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูงในการรักษา
มีหลายยี่ห้อจากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีคุณภาพและราคาแตกต่างกันไป ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกระบบรากเทียมที่เหมาะสมกับสภาพช่องปากและงบประมาณของเราที่สุด
ตัวครอบฟันและรากเทียมไม่สามารถผุได้ แต่เหงือกรอบๆ รากเทียมสามารถอักเสบได้หากดูแลความสะอาดไม่ดี (เรียกว่า Peri-implantitis) ซึ่งอาจรุนแรงจนทำให้ต้องถอนรากเทียมออกได้เลย