การฟอกฟันขาว
เลือกหัวข้อการฟอกฟันขาว
ฟอกฟันขาว คืออะไร?
Tooth Whitening การฟอกฟันขาวเป็นวิธีการที่ช่วยฟื้นคืนความขาวกระจ่างให้กับฟัน โดยใช้น้ำยาฟอกฟันควบคู่กับการฉายแสง Cool Light LED หรือเลเซอร์ เพื่อช่วยเร่งกระบวนการทำงานของน้ำยา การเปลี่ยนสีฟันให้ขาวใสมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลัก ได้แก่:
- ปัจจัยภายนอก เช่น การดื่มชา กาแฟ บุหรี่ หรือการรับประทานอาหารที่มีสีจัด
- ปัจจัยภายใน เช่น การสะสมของเม็ดสีในชั้นเนื้อฟันจากการใช้ยาในวัยเด็ก หรือฟันตาย
กระบวนการนี้เริ่มต้นด้วยการใช้น้ำยาฟอกฟันที่มีความเข้มข้นสูง ป้ายลงบนพื้นผิวฟัน จากนั้นจะฉายแสง Cool Light LED เพื่อกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้เกิดการแตกตัวเป็นออกซิเจน และแทรกซึมไปขจัดเม็ดสีที่ฝังลึกในเนื้อฟัน โดยเฉพาะคราบสีเหลือง ทำให้ฟันกลับมาขาวสว่างสดใส โดยไม่ทำลายชั้นเคลือบฟัน
ใครบ้างที่ควร ฟอกฟันขาว ?
หากคุณมีปัญหาสีฟันคล้ำ ไม่ขาวใส หรืออยากเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม ลองเช็คตัวเองจากลิสต์นี้ว่าเข้าข่ายหรือไม่
- ผู้ที่ต้องการสร้างความประทับใจในที่ทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องพบปะผู้คนบ่อย ๆ
- คนที่ชื่นชอบการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่สูบบุหรี่จนฟันหมองคล้ำ
- ผู้ที่มีปัญหาเนื้อฟันเหลืองจากการใช้ยาปฏิชีวนะในอดีต
การฟอกฟันขาวไม่เพียงเปลี่ยนสีฟัน แต่ยังเติมเต็มความมั่นใจ และทำให้คุณยิ้มได้อย่างภาคภูมิใจทุกครั้ง
เปลี่ยนลุคให้ฟันขาวปิ๊ง! ฟอกฟันขาว ช่วยได้จริงหรือเปล่า?
อยากรู้ไหมว่าการฟอกสีฟันช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริงหรือเปล่า? คำตอบคือ ได้จริงแน่นอน หลังจากฟอกสีฟัน คุณจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ฟันขาวขึ้น แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สีฟันเดิมของคุณ คุณภาพของน้ำยาฟอกสีฟัน และอุปกรณ์ที่ใช้ รวมถึงการดูแลช่องปากในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสีจัด หรือการเลิกสูบบุหรี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยยืดอายุความขาวของฟันได้ครับ
นอกเหนือจากการฟอกสีฟัน ยังมีอีกวิธีที่ทำให้ฟันของคุณกลับมาขาวใสเหมือนใหม่ นั่นคือ การทำวีเนียร์ (Veneer) หรือการเคลือบฟันขาว วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาฟันเหลือง ฟันดำคล้ำ หรือฟันที่ดูไม่สดใส โดยวีเนียร์เป็นแผ่นเซรามิกบางๆ ที่ออกแบบมาให้พอดีกับฟันของคุณ ติดไว้บริเวณด้านหน้าของฟัน ช่วยให้รอยยิ้มดูสวยขึ้นทันที และคุณยังสามารถเลือกระดับความขาวของฟันได้ตามความต้องการอีกด้วย
การฟอกสีฟันมีกี่ประเภท? วิธีไหนเหมาะกับคุณที่สุด
1. การฟอกสีฟันในคลินิก (In-office Whitening)
เป็นวิธีการฟอกสีฟันที่ทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ร่วมกับการใช้แสง LED หรือเลเซอร์เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของน้ำยา จุดเด่นของวิธีนี้คือความปลอดภัย ทุกขั้นตอนอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์ ใช้เวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ
2. การฟอกสีฟันที่บ้าน (At-home Whitening)
เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง หลังจากพบทันตแพทย์ครั้งแรกเพื่อทำถาดฟอกฟันเฉพาะบุคคล คุณจะได้รับน้ำยาฟอกสีฟันพร้อมคำแนะนำในการใช้งาน วิธีนี้มีข้อดีที่ราคาย่อมเยากว่า แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความอดทน เพราะใช้เวลานานกว่าที่ผลลัพธ์จะชัดเจน
3. การฟอกสีฟันแบบผสม (In-office Assisted Whitening)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสีฟันเข้มมาก โดยทันตแพทย์จะเริ่มฟอกสีฟันในคลินิกก่อน จากนั้นจึงให้อุปกรณ์และน้ำยาฟอกสีฟันกลับไปทำต่อเองที่บ้าน วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการฟอกสีฟันและให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
4. การใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันสำเร็จรูป (Over-the-counter Whitening)
เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด เพราะสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น แถบฟอกฟัน ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว หรือน้ำยาบ้วนปาก ได้ตามร้านขายยาหรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเท่ากับการทำโดยทันตแพทย์
5. การฟอกสีฟันเฉพาะซี่ (Internal Whitening)
เป็นวิธีที่ออกแบบมาสำหรับฟันที่เปลี่ยนสีเฉพาะซี่ เช่น ฟันตายหรือฟันที่ได้รับการรักษารากฟัน ซึ่งต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น วิธีนี้ช่วยปรับสีฟันเฉพาะซี่ให้ดูสว่างขึ้นโดยไม่กระทบฟันซี่อื่น ๆ
เทคนิคการฟอกสีฟันที่กำลังเป็นที่นิยม
นอกจากวิธีการข้างต้น ยังมีการฟอกสีฟันที่เน้นใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่:
1. ฟอกฟันด้วยแสงเย็น (Cool Light Whitening)
ใช้แสง LED ฉายบนฟันที่ถูกทาน้ำยาฟอกสีฟัน แสงจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดสีบนผิวฟันแตกตัว ส่งผลให้ฟันดูขาวใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและปลอดภัย
2. ฟอกฟันด้วยเลเซอร์ (Laser Whitening)
เป็นการใช้แสงเลเซอร์ไดโอดในการกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้แทรกซึมลึกขึ้นในเนื้อฟัน วิธีนี้สามารถขจัดคราบและเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันสั้น
3. ฟอกฟันแบบซูม (Zoom Whitening)
ใช้พลังงานแสงสีฟ้าที่มีความเข้มข้นสูง กระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้ทำงานอย่างล้ำลึก ช่วยกำจัดคราบฝังแน่นบนผิวฟันโดยไม่ทำลายเนื้อฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกฟันแบบมืออาชีพในระยะเวลาเพียง 30-45 นาที
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการฟอกสีฟันแบบใด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้ได้วิธีที่เหมาะสมกับสภาพฟันของคุณมากที่สุดครับ การฟอกสีฟันที่ดีไม่เพียงช่วยเพิ่มความมั่นใจ แต่ยังช่วยเสริมสร้างรอยยิ้มที่สดใสในแบบที่คุณต้องการ
คู่มือการ ฟอกฟันขาว แบบเข้าใจง่าย
เตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน
1. ตรวจเช็คสีฟัน
ก่อนเริ่มต้นกระบวนการฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะตรวจสอบและวัดระดับสีฟันของคุณเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์หลังการรักษา
2. ทำความสะอาดฟัน
การเตรียมฟันให้พร้อมเป็นขั้นตอนสำคัญ ทันตแพทย์จะขูดหินปูน (หากมี) และขัดฟันเพื่อให้ผิวฟันสะอาดหมดจด
3. ป้องกันเหงือกและริมฝีปาก
ใช้อุปกรณ์ช่วยปกป้องริมฝีปากและเหงือก เพื่อความปลอดภัยระหว่างการฟอกสีฟัน
กระบวนการฟอกสีฟัน
- ทันตแพทย์จะทาน้ำยาฟอกสีฟันที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด แล้วใช้เครื่อง Cool Light LED กระตุ้นการทำงานของน้ำยา
- ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
หลังฟอกสีฟันอาจเกิดอะไรขึ้น?
บางคนอาจรู้สึกเสียวฟันเล็กน้อยหลังการฟอกสีฟัน ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาการนี้มักลดน้อยลง และจะหายไปเองภายใน 48 ชั่วโมง
iDentist Dental Clinic
การฟอกฟันขาว
ฟอกฟันขาวที่คลินิกใน 1 ชม
ระบบ LED แสงเย็น โปรโมชั่น พิเศษ
A
(premium white)
3,990 บาท
A+
(ultra white)
4,990 บาท
(ใช้นำยาฟอกฟันขาวความเข้มข้นระดับสูง)
ฟอกฟันขาวที่บ้าน
B
ฟอกฟันขาวที่คลินิก + (premium white)
ชุดฟอกฟันขาวที่บ้าน
5,999 บาท
C
ชุดฟอกฟันขาวที่บ้าน
แถมนำยาฟอกฟันของ
USA Opalescence
2,499 บาท
น้ำยาฟอกฟันชาวความเข้มข้นสูง สั่งจ่ายได้โดยทันตแพทย์เท่านั้น
ข้อดีของการฟอกฟันขาวที่คลินิก ด้วยระบบ LED แสงเย็นนำเข้า opalescence, pola office, dr.white tooth whitening system
ฟันขาวใส ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมความมั่นใจในรอยยิ้ม แต่ยังสร้างความประทับใจแรกพบแก่ผู้คนรอบข้างได้อีกด้วย หากคุณกำลังกังวลเรื่องฟันหมองคล้ำ สีเหลือง หรือสีเทา และอยากได้ฟันขาวใสอีกครั้ง การฟอกฟันขาวด้วยเทคโนโลยี Cool Light LED อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหา!
– ให้ผลลัพธ์ความขาวของฟันได้อย่างดีเยี่ยม โดยใช้เวลาเพียง 1 ชม. ช็อตละ 15 – 20 นาที ให้แน่ใจกับระดับความขาวให้ได้มากที่สุด ส่วนความขาวมากน้อยขึ้นอยู่กับเนื้อฟันคนไข้เป็นปัจจัย
- ลดปัญหาเสียวฟันน้อยที่สุดหรืดถึงกับไม่เสียวเลยในการรักษา
การนำชุดฟอกฟันขาว ไปทำที่บ้าน Take-Home Whitening
การฟอกฟันขาวที่บ้านเป็นวิธีทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนเห็นผลของฟันที่ขาวขึ้น แต่การฟอกฟันขาวให้เห็นผลทันทีนั้น ควรทำการฟอกฟันขาวที่คลินิกเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำชุดฟอกฟันที่บ้านกลับไปทำต่อเพิ่อความขาวของฟันที่คงทนและยาวนานยิ่งขึ้น ด้วยการเลือกใช้ เปอร์เซนต์ความเข้มข้นของนำ้ยาฟอกฟันที่เหมาะสมกับคนไข้ ยิ่งสูงย่อมทำให้ฟันขาวมากยิ่งขึ้น *นำ้ยาฟอกฟันที่มีความเข้มข้นมี %เปอร์เซนต์ทีสูงสามารถสั่งได้โดยทันตแพทย์เท่านั้น*
ขั้นตอนการฟอกฟันขาว ระบบพลังแสงเย็น ที่คลินิก
1. ใส่เครื่องมือคุ้มครองช่องปาก
2. ใส่นำยา NeoDam เพื่อคุ้มกันเหงือก
3. ใส่นำยาฟอกฟันลงบนฟัน
4. ทำการฉายพลังแสงเย็น Hydrogen Peroxide ให้เกิดปฏิกิริยากับนำยาฟอกฝัน 15 นาที x 3 รอบ (*ใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง*)
เพียงเท่านี้คุณก็จะยิ้มได้อย่างมั่นใจกับฟันที่ขาวสวย สดใส!
เปลี่ยนรอยยิ้ม เติมความมั่นใจด้วยการฟอกฟันขาว ระบบ Cool Light LED
ฟันขาวใส ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมความมั่นใจในรอยยิ้ม แต่ยังสร้างความประทับใจแรกพบแก่ผู้คนรอบข้างได้อีกด้วย หากคุณกำลังกังวลเรื่องฟันหมองคล้ำ สีเหลือง หรือสีเทา และอยากได้ฟันขาวใสอีกครั้ง การฟอกฟันขาวด้วยเทคโนโลยี Cool Light LED อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหา!
ใครบ้างที่ควรฟอกฟันขาว?
หากคุณมีปัญหาสีฟันคล้ำ ไม่ขาวใส หรืออยากเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม ลองเช็คตัวเองจากลิสต์นี้ว่าเข้าข่ายหรือไม่:
- ผู้ที่ต้องการสร้างความประทับใจในที่ทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องพบปะผู้คนบ่อย ๆ
- คนที่ชื่นชอบการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่สูบบุหรี่จนฟันหมองคล้ำ
- ผู้ที่มีปัญหาเนื้อฟันเหลืองจากการใช้ยาปฏิชีวนะในอดีต
การฟอกฟันขาวไม่เพียงเปลี่ยนสีฟัน แต่ยังเติมเต็มความมั่นใจ และทำให้คุณยิ้มได้อย่างภาคภูมิใจทุกครั้ง
เปลี่ยนลุคให้ฟันขาวปิ๊ง! ฟอกสีฟันช่วยได้จริงหรือเปล่า?
อยากรู้ไหมว่าการฟอกสีฟันช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริงหรือเปล่า? คำตอบคือ ได้จริงแน่นอน หลังจากฟอกสีฟัน คุณจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ฟันขาวขึ้น แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สีฟันเดิมของคุณ คุณภาพของน้ำยาฟอกสีฟัน และอุปกรณ์ที่ใช้ รวมถึงการดูแลช่องปากในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสีจัด หรือการเลิกสูบบุหรี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยยืดอายุความขาวของฟันได้ครับ
นอกเหนือจากการฟอกสีฟัน ยังมีอีกวิธีที่ทำให้ฟันของคุณกลับมาขาวใสเหมือนใหม่ นั่นคือ การทำวีเนียร์ (Veneer) หรือการเคลือบฟันขาว วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาฟันเหลือง ฟันดำคล้ำ หรือฟันที่ดูไม่สดใส โดยวีเนียร์เป็นแผ่นเซรามิกบางๆ ที่ออกแบบมาให้พอดีกับฟันของคุณ ติดไว้บริเวณด้านหน้าของฟัน ช่วยให้รอยยิ้มดูสวยขึ้นทันที และคุณยังสามารถเลือกระดับความขาวของฟันได้ตามความต้องการอีกด้วย
ฟอกสีฟันแล้วขาวขึ้นมากแค่ไหน?
ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟันส่วนใหญ่มักทำให้ฟันขาวขึ้นประมาณ 3-5 เฉด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสีฟันเดิมและการตอบสนองของฟันต่อน้ำยาฟอกสีฟัน คุณหมอจะมีแผ่นเทียบเฉดสีฟันให้ดูเพื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการฟอก ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนครับ
หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม การฟอกสีฟันถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
การฟอกสีฟันมีกี่ประเภท? วิธีไหนเหมาะกับคุณที่สุด
- การฟอกสีฟันในคลินิก (In-office Whitening)
เป็นวิธีการฟอกสีฟันที่ทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ร่วมกับการใช้แสง LED หรือเลเซอร์เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของน้ำยา จุดเด่นของวิธีนี้คือความปลอดภัย ทุกขั้นตอนอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์ ใช้เวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ - การฟอกสีฟันที่บ้าน (At-home Whitening)
เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง หลังจากพบทันตแพทย์ครั้งแรกเพื่อทำถาดฟอกฟันเฉพาะบุคคล คุณจะได้รับน้ำยาฟอกสีฟันพร้อมคำแนะนำในการใช้งาน วิธีนี้มีข้อดีที่ราคาย่อมเยากว่า แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความอดทน เพราะใช้เวลานานกว่าที่ผลลัพธ์จะชัดเจน - การฟอกสีฟันแบบผสม (In-office Assisted Whitening)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสีฟันเข้มมาก โดยทันตแพทย์จะเริ่มฟอกสีฟันในคลินิกก่อน จากนั้นจึงให้อุปกรณ์และน้ำยาฟอกสีฟันกลับไปทำต่อเองที่บ้าน วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการฟอกสีฟันและให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว - การใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันสำเร็จรูป (Over-the-counter Whitening)
เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด เพราะสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น แถบฟอกฟัน ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว หรือน้ำยาบ้วนปาก ได้ตามร้านขายยาหรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเท่ากับการทำโดยทันตแพทย์ - การฟอกสีฟันเฉพาะซี่ (Internal Whitening)
เป็นวิธีที่ออกแบบมาสำหรับฟันที่เปลี่ยนสีเฉพาะซี่ เช่น ฟันตายหรือฟันที่ได้รับการรักษารากฟัน ซึ่งต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น วิธีนี้ช่วยปรับสีฟันเฉพาะซี่ให้ดูสว่างขึ้นโดยไม่กระทบฟันซี่อื่น ๆ
เทคนิคการฟอกสีฟันที่กำลังเป็นที่นิยม
นอกจากวิธีการข้างต้น ยังมีการฟอกสีฟันที่เน้นใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่:
- ฟอกฟันด้วยแสงเย็น (Cool Light Whitening)
ใช้แสง LED ฉายบนฟันที่ถูกทาน้ำยาฟอกสีฟัน แสงจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดสีบนผิวฟันแตกตัว ส่งผลให้ฟันดูขาวใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและปลอดภัย - ฟอกฟันด้วยเลเซอร์ (Laser Whitening)
เป็นการใช้แสงเลเซอร์ไดโอดในการกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้แทรกซึมลึกขึ้นในเนื้อฟัน วิธีนี้สามารถขจัดคราบและเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันสั้น - ฟอกฟันแบบซูม (Zoom Whitening)
ใช้พลังงานแสงสีฟ้าที่มีความเข้มข้นสูง กระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้ทำงานอย่างล้ำลึก ช่วยกำจัดคราบฝังแน่นบนผิวฟันโดยไม่ทำลายเนื้อฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกฟันแบบมืออาชีพในระยะเวลาเพียง 30-45 นาที
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการฟอกสีฟันแบบใด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้ได้วิธีที่เหมาะสมกับสภาพฟันของคุณมากที่สุดครับ การฟอกสีฟันที่ดีไม่เพียงช่วยเพิ่มความมั่นใจ แต่ยังช่วยเสริมสร้างรอยยิ้มที่สดใสในแบบที่คุณต้องการ
คู่มือการฟอกสีฟันแบบเข้าใจง่าย
เตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน
- ตรวจเช็คสีฟัน
ก่อนเริ่มต้นกระบวนการฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะตรวจสอบและวัดระดับสีฟันของคุณเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์หลังการรักษา - ทำความสะอาดฟัน
การเตรียมฟันให้พร้อมเป็นขั้นตอนสำคัญ ทันตแพทย์จะขูดหินปูน (หากมี) และขัดฟันเพื่อให้ผิวฟันสะอาดหมดจด - ป้องกันเหงือกและริมฝีปาก
ใช้อุปกรณ์ช่วยปกป้องริมฝีปากและเหงือก เพื่อความปลอดภัยระหว่างการฟอกสีฟัน
กระบวนการฟอกสีฟัน
- ทันตแพทย์จะทาน้ำยาฟอกสีฟันที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด แล้วใช้เครื่อง Cool Light LED กระตุ้นการทำงานของน้ำยา
- ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
หลังฟอกสีฟันอาจเกิดอะไรขึ้น?
บางคนอาจรู้สึกเสียวฟันเล็กน้อยหลังการฟอกสีฟัน ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาการนี้มักลดน้อยลง และจะหายไปเองภายใน 48 ชั่วโมง
เคล็ดลับการดูแลฟันขาวให้ยาวนาน
- เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม
เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือไวน์แดง เพราะอาจทำให้ฟันกลับมาหมองเร็วขึ้น หากจำเป็นต้องดื่ม ควรบ้วนปากทันที - งดสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นตัวการทำให้ฟันเปลี่ยนสีเร็วขึ้น และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากอีกด้วย - แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ
ใช้แปรงสีฟันและไหมขัดฟันที่เหมาะสม เพื่อขจัดคราบอาหารและป้องกันคราบฝังลึกบนผิวฟัน - ตรวจฟันเป็นประจำ
พบคุณหมอฟันทุก 6 เดือน เพื่อดูแลสุขภาพฟันและช่องปากอย่างต่อเนื่อง
ฟอกสีฟันให้ปลอดภัย ต้องทำอย่างไร?
เลือกฟอกสีฟันกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองเท่านั้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อเองอาจเสี่ยงต่อการอักเสบ เสียวฟัน หรือทำลายเนื้อฟันในระยะยาว
การฟอกสีฟันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ด้วยการดูแลที่เหมาะสม ฟันของคุณจะขาวสวยสดใสได้ยาวนาน
เคล็ดลับเลือกคลินิกฟอกฟันขาว
หากคุณสนใจฟอกฟันขาวเพื่อเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม ควรเลือกคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน ทันตแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ และได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ การดูรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการจริงก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยยืนยันคุณภาพและความน่าเชื่อถือของคลินิกได้
การฟอกฟันขาวไม่เพียงช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ของรอยยิ้ม แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวคุณอีกด้วย ลองหาคลินิกที่ใช่ และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงรอยยิ้มของคุณกันเลยครับ
Q & A คำถามที่พบบ่อยๆ
ถ้าคุณกำลังจัดฟันอยู่ ขอแนะนำให้รอจนกว่าการจัดฟันจะเสร็จสิ้นก่อนที่จะฟอกฟันขาว เนื่องจากอุปกรณ์จัดฟันอย่างแบร็คเก็ตที่ติดอยู่บนฟันจะทำให้ฟันฟอกออกมาไม่สม่ำเสมอ แนะนำให้เริ่มฟอกฟันขาวหลังจากถอดเหล็กจัดฟันประมาณ 3-6 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฟอกฟันขาวเพียงครั้งแรก คุณก็จะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีฟันที่สว่างขึ้นแล้วครับ อย่างไรก็ตาม ระดับความขาวจะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละคน
ขั้นตอนการฟอกฟันขาวใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 30-45 นาทีเท่านั้น
ไม่ต้องกังวลครับ การฟอกฟันขาวไม่ได้ทำให้เนื้อฟันบางลง น้ำยาฟอกสีฟันจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีในฟัน ทำให้ฟันดูขาวขึ้นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของเนื้อฟัน
การฟอกฟันขาวไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บ แต่บางคนอาจมีอาการเสียวฟันขณะทำหรือหลังทำเสร็จ ซึ่งอาการนี้มักจะหายไปเองภายใน 48 ชั่วโมง
ผลลัพธ์ของฟันที่ขาวสดใสจะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก การรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม และพฤติกรรมส่วนตัวของคุณ
ฟอกฟันขาว (Teeth Whitening) คือกระบวนการทางทันตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนสีฟันที่หมองคล้ำ เหลือง หรือมีคราบ ให้กลับมามีความขาวสว่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
วิธีการฟอกฟันขาวที่ iDentist Clinic
iDentist Clinic มีบริการฟอกฟันขาว 2 รูปแบบหลัก ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน
1. การฟอกฟันขาวที่คลินิก (In-Office Whitening) เป็นการฟอกสีฟันที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วที่สุด โดยทำภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ทั้งหมด มักใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขั้นตอนหลัก ๆ
ทำความสะอาดฟัน: ทันตแพทย์จะตรวจสุขภาพช่องปาก และอาจทำการขูดหินปูนหรือขัดฟันก่อนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ปกป้องเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อน: ทันตแพทย์จะใส่วัสดุป้องกัน (เช่น NeoDam) เพื่อปกป้องเหงือก ริมฝีปาก และเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากจากน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง
ทาน้ำยาฟอกสีฟัน: ทาน้ำยาฟอกสีฟันความเข้มข้นสูงลงบนผิวฟัน
กระตุ้นด้วยแสงเย็น (Cool Light LED): ใช้พลังงานแสงเย็นฉายกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟัน (Hydrogen Peroxide) ให้เกิดปฏิกิริยาการฟอกสีอย่างรวดเร็ว
ทำซ้ำ: ขั้นตอนนี้จะทำซ้ำประมาณ 2-3 รอบ (รอบละประมาณ 15 นาที) จนได้ความขาวตามที่ต้องการ
2. ชุดฟอกฟันขาวที่บ้าน (Home Bleaching Kit) เป็นการฟอกสีฟันด้วยตนเองที่บ้าน โดยใช้ชุดอุปกรณ์ที่ได้รับจากคลินิก ขั้นตอนหลัก ๆ
พิมพ์ปากและทำถาดฟอกสีฟัน: ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปากของคุณเพื่อทำ ถาดฟอกสีฟัน (Tray) เฉพาะบุคคล ซึ่งจะมีขนาดพอดีกับฟันของคุณเท่านั้น
รับชุดน้ำยาและคำแนะนำ: คุณจะได้รับถาดฟอกสีฟันและเจลฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำกว่าที่ใช้ในคลินิก (เช่น น้ำยา Opalescence ของ USA) พร้อมคำแนะนำจากทันตแพทย์
ดำเนินการที่บ้าน: คุณจะนำเจลฟอกสีฟันมาใส่ในถาดแล้วสวมครอบฟันไว้ตามเวลาที่ทันตแพทย์กำหนด (มักจะเป็นช่วงกลางคืน หรือ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน)
ความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่างการฟอกสีฟันที่คลินิกกับการฟอกสีฟันที่บ้าน คือ ความเข้มข้นของน้ำยา ความรวดเร็วของผลลัพธ์ และ การดูแลโดยทันตแพทย์
| คุณสมบัติ | 1. ฟอกสีฟันที่คลินิก (In-Office Whitening) | 2. ชุดฟอกสีฟันที่บ้าน (Home Bleaching) |
| ความเข้มข้นของน้ำยา | สูงมาก (สั่งจ่ายและใช้โดยทันตแพทย์เท่านั้น) | ต่ำกว่า (ออกแบบมาให้ใช้เองได้อย่างปลอดภัย) |
| ความรวดเร็วของผลลัพธ์ | รวดเร็วมาก เห็นผลชัดเจนทันทีภายใน 1 ชั่วโมง | ค่อยเป็นค่อยไป ต้องทำต่อเนื่องหลายวัน/สัปดาห์จึงจะเห็นผลชัดเจน |
| การใช้แสงกระตุ้น | มีการใช้แสง (Cool Light LED) เพื่อเร่งปฏิกิริยา | ไม่มี (หรือใช้ไฟ LED พลังงานต่ำมาก) |
| ความเสี่ยงเสียวฟัน | มีโอกาสเสียวฟันมากกว่า เนื่องจากน้ำยาเข้มข้นสูง แต่ทันตแพทย์จะควบคุมและมียาลดการเสียวฟัน | เสียวฟันน้อยกว่า หรือแทบไม่เสียวฟันเลย |
| ค่าใช้จ่าย | สูงกว่า | ต่ำกว่า (เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายต่อครั้ง) |
| ความสะดวก | ต้องนัดและเดินทางไปคลินิก | สามารถทำได้ทุกเวลาที่บ้าน โดยการใส่ถาดฟอกฟัน |
| ความปลอดภัย | สูงสุด เพราะทุกขั้นตอนอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์ | ปลอดภัย หากทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด |
ฟอกฟันขาวเจ็บไหม จะไม่เจ็บปวด การฟอกฟันขาวเป็นหัตถการที่ไม่ต้องใช้เข็มฉีดยาชา และไม่ทำลายโครงสร้างของเนื้อฟัน อาจมีอาการเสียวฟัน (Sensitivity) เนื่องจากน้ำยาฟอกสีฟันที่ใช้ในคลินิกมีความเข้มข้นสูง ผู้รับบริการบางรายอาจรู้สึก เสียวฟันเล็กน้อยถึงปานกลาง ในระหว่างหรือหลังการรักษา โดยเฉพาะในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
ดื่มน้ำด้วยหลอด หากจำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มที่มีสีอ่อน เช่น น้ำผลไม้ ควรใช้หลอดดูดเพื่อลดการสัมผัสกับผิวฟัน อาการเสียวฟัน ใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟันที่ทันตแพทย์แนะนำ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่กระตุ้นอาการเสียวฟัน
ควบคุมอาหารมีสี แม้จะพ้น 48 ชั่วโมงไปแล้ว ก็ยังควร ลดปริมาณ หรือ ลดความถี่ ในการดื่มชา กาแฟ ไวน์ หรืออาหารที่มีสีเข้ม หากดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ ควรบ้วนปากหรือแปรงฟันทันทีหลังดื่ม
งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ฟันกลับมามีสีเหลืองเร็วที่สุด การงดสูบช่วยยืดอายุความขาวได้มาก
การเลือกคลินิกฟอกฟันขาวที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยมีความสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความสวยงามของรอยยิ้มโดยตรง นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก ๆ
- ความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของคลินิก
- ความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์
- ข้อมูลและรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
อาการเสียวฟันเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฟอกสีฟันแต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ที่ Identist Clinic ทันตแพทย์จะประเมินสุขภาพฟันของคุณก่อนทำการรักษา และเลือกใช้น้ำยาที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ช่วยลดอาการเสียวฟัน โดยอาการเสียวฟันมักจะเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 1-2 วัน
ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสีฟันเดิมและสาเหตุของฟันเหลือง โดยทั่วไปแล้วฟันจะขาวขึ้นได้หลายระดับเลย ส่วนความขาวจะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและพฤติกรรมการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มของคุณ เช่น ชา กาแฟ หรือการสูบบุหรี่ โดยปกติแล้วความขาวจะอยู่ได้นาน 6 เดือน ถึง 2 ปี หากดูแลอย่างดีก็จะช่วยให้ฟันขาวได้ยาวนานขึ้น
การฟอกสีฟันเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสีฟันหมองคล้ำ ฟันเหลืองจากคราบอาหาร เครื่องดื่ม หรืออายุที่มากขึ้น และต้องการมีฟันที่ขาวสว่างขึ้นเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำสำหรับสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี
ก่อนมาฟอกสีฟัน แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากก่อนนะคะ หากมีฟันผุหรือเหงือกอักเสบ ควรทำการรักษาก่อน และควรขูดหินปูนเพื่อกำจัดคราบต่างๆ บนผิวฟัน ซึ่งจะช่วยให้การฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
เพื่อให้ฟันขาวอยู่กับเราไปนานๆ แนะนำให้ปฏิบัติตามนี้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง หรือซอสต่างๆ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังฟอกสีฟัน
- งดสูบบุหรี่
- ดูแลความสะอาดช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือน
การฟอกสีฟันภายใต้การดูแลของทันตแพทย์มีความปลอดภัยสูงมาก น้ำยาที่ใช้ถูกออกแบบมาสำหรับฟันโดยเฉพาะและไม่ทำลายโครงสร้างหรือเคลือบฟันธรรมชาติ การฟอกสีฟันที่ Identist Clinic จึงมั่นใจได้ทั้งความสวยงามและความปลอดภัย
การฟอกสีฟันจะได้ผลกับ “ฟันธรรมชาติ” เท่านั้นสีของวัสดุอุดฟัน วีเนียร์ หรือครอบฟันจะไม่ขาวขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น หากคุณมีวัสดุเหล่านี้ที่ฟันหน้า อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนวัสดุใหม่หลังฟอกสีฟันเพื่อให้มีสีที่สม่ำเสมอกัน
ไม่ควรทำบ่อยเกินไป โดยทั่วไปแนะนำให้ทำซ้ำได้ทุกๆ 1-2 ปี หรือเมื่อรู้สึกว่าสีฟันเริ่มกลับมาคล้ำลง การทำบ่อยเกินความจำเป็นอาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการเสียวฟัน
- ลดการดื่มชา กาแฟ หากดื่มควรใช้หลอดดูด
- บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้งหลังทานอาหาร
- แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ
- พบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนและตรวจฟันทุก 6 เดือน
ยาสีฟันฟอกฟันขาวส่วนใหญ่จะช่วยขจัดคราบสีที่ผิวฟันชั้นนอกเท่านั้น ทำให้ฟันดูสว่างขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเฉดสีฟันจากเนื้อฟันด้านในได้เหมือนการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่ามาก
เพราะคราบหินปูนที่เกาะอยู่บนผิวฟันจะไปขัดขวางการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ทำให้ประสิทธิภาพลดลงและอาจทำให้สีฟันขาวไม่สม่ำเสมอ การขูดหินปูนออกก่อนจึงเป็นการเตรียมผิวฟันให้พร้อมรับการฟอกสีได้อย่างเต็ม