ทำฟัน จัดฟัน นัดปรึกษาฟรี : @iDentistClinic

การฟอกฟันขาว

เลือกหัวข้อการฟอกฟันขาว​

ฟอกฟันขาว คืออะไร?

Tooth Whitening การฟอกฟันขาวเป็นวิธีการที่ช่วยฟื้นคืนความขาวกระจ่างให้กับฟัน โดยใช้น้ำยาฟอกฟันควบคู่กับการฉายแสง Cool Light LED หรือเลเซอร์ เพื่อช่วยเร่งกระบวนการทำงานของน้ำยา การเปลี่ยนสีฟันให้ขาวใสมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลัก ได้แก่:

  • ปัจจัยภายนอก เช่น การดื่มชา กาแฟ บุหรี่ หรือการรับประทานอาหารที่มีสีจัด
  • ปัจจัยภายใน เช่น การสะสมของเม็ดสีในชั้นเนื้อฟันจากการใช้ยาในวัยเด็ก หรือฟันตาย

กระบวนการนี้เริ่มต้นด้วยการใช้น้ำยาฟอกฟันที่มีความเข้มข้นสูง ป้ายลงบนพื้นผิวฟัน จากนั้นจะฉายแสง Cool Light LED เพื่อกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้เกิดการแตกตัวเป็นออกซิเจน และแทรกซึมไปขจัดเม็ดสีที่ฝังลึกในเนื้อฟัน โดยเฉพาะคราบสีเหลือง ทำให้ฟันกลับมาขาวสว่างสดใส โดยไม่ทำลายชั้นเคลือบฟัน

ใครบ้างที่ควร ฟอกฟันขาว ?

หากคุณมีปัญหาสีฟันคล้ำ ไม่ขาวใส หรืออยากเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม ลองเช็คตัวเองจากลิสต์นี้ว่าเข้าข่ายหรือไม่

  1. ผู้ที่ต้องการสร้างความประทับใจในที่ทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องพบปะผู้คนบ่อย ๆ
  2. คนที่ชื่นชอบการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  3. ผู้ที่สูบบุหรี่จนฟันหมองคล้ำ
  4. ผู้ที่มีปัญหาเนื้อฟันเหลืองจากการใช้ยาปฏิชีวนะในอดีต

การฟอกฟันขาวไม่เพียงเปลี่ยนสีฟัน แต่ยังเติมเต็มความมั่นใจ และทำให้คุณยิ้มได้อย่างภาคภูมิใจทุกครั้ง

เปลี่ยนลุคให้ฟันขาวปิ๊ง! ฟอกฟันขาว ช่วยได้จริงหรือเปล่า?

อยากรู้ไหมว่าการฟอกสีฟันช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริงหรือเปล่า? คำตอบคือ ได้จริงแน่นอน หลังจากฟอกสีฟัน คุณจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ฟันขาวขึ้น แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สีฟันเดิมของคุณ คุณภาพของน้ำยาฟอกสีฟัน และอุปกรณ์ที่ใช้ รวมถึงการดูแลช่องปากในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสีจัด หรือการเลิกสูบบุหรี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยยืดอายุความขาวของฟันได้ครับ

นอกเหนือจากการฟอกสีฟัน ยังมีอีกวิธีที่ทำให้ฟันของคุณกลับมาขาวใสเหมือนใหม่ นั่นคือ การทำวีเนียร์ (Veneer) หรือการเคลือบฟันขาว วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาฟันเหลือง ฟันดำคล้ำ หรือฟันที่ดูไม่สดใส โดยวีเนียร์เป็นแผ่นเซรามิกบางๆ ที่ออกแบบมาให้พอดีกับฟันของคุณ ติดไว้บริเวณด้านหน้าของฟัน ช่วยให้รอยยิ้มดูสวยขึ้นทันที และคุณยังสามารถเลือกระดับความขาวของฟันได้ตามความต้องการอีกด้วย

การฟอกสีฟันมีกี่ประเภท? วิธีไหนเหมาะกับคุณที่สุด

1. การฟอกสีฟันในคลินิก (In-office Whitening)

เป็นวิธีการฟอกสีฟันที่ทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ร่วมกับการใช้แสง LED หรือเลเซอร์เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของน้ำยา จุดเด่นของวิธีนี้คือความปลอดภัย ทุกขั้นตอนอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์ ใช้เวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ

2. การฟอกสีฟันที่บ้าน (At-home Whitening)

เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง หลังจากพบทันตแพทย์ครั้งแรกเพื่อทำถาดฟอกฟันเฉพาะบุคคล คุณจะได้รับน้ำยาฟอกสีฟันพร้อมคำแนะนำในการใช้งาน วิธีนี้มีข้อดีที่ราคาย่อมเยากว่า แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความอดทน เพราะใช้เวลานานกว่าที่ผลลัพธ์จะชัดเจน

3. การฟอกสีฟันแบบผสม (In-office Assisted Whitening)

เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสีฟันเข้มมาก โดยทันตแพทย์จะเริ่มฟอกสีฟันในคลินิกก่อน จากนั้นจึงให้อุปกรณ์และน้ำยาฟอกสีฟันกลับไปทำต่อเองที่บ้าน วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการฟอกสีฟันและให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

4. การใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันสำเร็จรูป (Over-the-counter Whitening)

เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด เพราะสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น แถบฟอกฟัน ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว หรือน้ำยาบ้วนปาก ได้ตามร้านขายยาหรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเท่ากับการทำโดยทันตแพทย์

5. การฟอกสีฟันเฉพาะซี่ (Internal Whitening)

เป็นวิธีที่ออกแบบมาสำหรับฟันที่เปลี่ยนสีเฉพาะซี่ เช่น ฟันตายหรือฟันที่ได้รับการรักษารากฟัน ซึ่งต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น วิธีนี้ช่วยปรับสีฟันเฉพาะซี่ให้ดูสว่างขึ้นโดยไม่กระทบฟันซี่อื่น ๆ

เทคนิคการฟอกสีฟันที่กำลังเป็นที่นิยม

นอกจากวิธีการข้างต้น ยังมีการฟอกสีฟันที่เน้นใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่:

1. ฟอกฟันด้วยแสงเย็น (Cool Light Whitening)

ใช้แสง LED ฉายบนฟันที่ถูกทาน้ำยาฟอกสีฟัน แสงจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดสีบนผิวฟันแตกตัว ส่งผลให้ฟันดูขาวใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและปลอดภัย

2. ฟอกฟันด้วยเลเซอร์ (Laser Whitening)

เป็นการใช้แสงเลเซอร์ไดโอดในการกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้แทรกซึมลึกขึ้นในเนื้อฟัน วิธีนี้สามารถขจัดคราบและเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันสั้น

3. ฟอกฟันแบบซูม (Zoom Whitening)

ใช้พลังงานแสงสีฟ้าที่มีความเข้มข้นสูง กระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้ทำงานอย่างล้ำลึก ช่วยกำจัดคราบฝังแน่นบนผิวฟันโดยไม่ทำลายเนื้อฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกฟันแบบมืออาชีพในระยะเวลาเพียง 30-45 นาที

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการฟอกสีฟันแบบใด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้ได้วิธีที่เหมาะสมกับสภาพฟันของคุณมากที่สุดครับ การฟอกสีฟันที่ดีไม่เพียงช่วยเพิ่มความมั่นใจ แต่ยังช่วยเสริมสร้างรอยยิ้มที่สดใสในแบบที่คุณต้องการ

คู่มือการ ฟอกฟันขาว แบบเข้าใจง่าย

เตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน

1. ตรวจเช็คสีฟัน

ก่อนเริ่มต้นกระบวนการฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะตรวจสอบและวัดระดับสีฟันของคุณเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์หลังการรักษา

2. ทำความสะอาดฟัน

การเตรียมฟันให้พร้อมเป็นขั้นตอนสำคัญ ทันตแพทย์จะขูดหินปูน (หากมี) และขัดฟันเพื่อให้ผิวฟันสะอาดหมดจด

3. ป้องกันเหงือกและริมฝีปาก

ใช้อุปกรณ์ช่วยปกป้องริมฝีปากและเหงือก เพื่อความปลอดภัยระหว่างการฟอกสีฟัน

กระบวนการฟอกสีฟัน

  • ทันตแพทย์จะทาน้ำยาฟอกสีฟันที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด แล้วใช้เครื่อง Cool Light LED กระตุ้นการทำงานของน้ำยา
  • ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที

 

หลังฟอกสีฟันอาจเกิดอะไรขึ้น?

บางคนอาจรู้สึกเสียวฟันเล็กน้อยหลังการฟอกสีฟัน ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาการนี้มักลดน้อยลง และจะหายไปเองภายใน 48 ชั่วโมง

iDentist Dental Clinic

การฟอกฟันขาว

ฟอกฟันขาวที่คลินิกใน 1 ชม

ระบบ LED แสงเย็น โปรโมชั่น พิเศษ

A

(premium white)
3,990 บาท

A+

(ultra white)
4,990 บาท

(ใช้นำยาฟอกฟันขาวความเข้มข้นระดับสูง)

ฟอกฟันขาวที่บ้าน

B

ฟอกฟันขาวที่คลินิก + (premium white)

ชุดฟอกฟันขาวที่บ้าน
5,999 บาท

C

ชุดฟอกฟันขาวที่บ้าน

แถมนำยาฟอกฟันของ
USA Opalescence
2,499 บาท

น้ำยาฟอกฟันชาวความเข้มข้นสูง สั่งจ่ายได้โดยทันตแพทย์เท่านั้น

ข้อดีของการฟอกฟันขาวที่คลินิก ด้วยระบบ LED แสงเย็นนำเข้า opalescence, pola office, dr.white tooth whitening system

ฟันขาวใส ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมความมั่นใจในรอยยิ้ม แต่ยังสร้างความประทับใจแรกพบแก่ผู้คนรอบข้างได้อีกด้วย หากคุณกำลังกังวลเรื่องฟันหมองคล้ำ สีเหลือง หรือสีเทา และอยากได้ฟันขาวใสอีกครั้ง การฟอกฟันขาวด้วยเทคโนโลยี Cool Light LED อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหา!

– ให้ผลลัพธ์ความขาวของฟันได้อย่างดีเยี่ยม โดยใช้เวลาเพียง 1 ชม. ช็อตละ 15 – 20 นาที ให้แน่ใจกับระดับความขาวให้ได้มากที่สุด ส่วนความขาวมากน้อยขึ้นอยู่กับเนื้อฟันคนไข้เป็นปัจจัย

​- ลดปัญหาเสียวฟันน้อยที่สุดหรืดถึงกับไม่เสียวเลยในการรักษา

การนำชุดฟอกฟันขาว ไปทำที่บ้าน Take-Home Whitening

การฟอกฟันขาวที่บ้านเป็นวิธีทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนเห็นผลของฟันที่ขาวขึ้น แต่การฟอกฟันขาวให้เห็นผลทันทีนั้น ควรทำการฟอกฟันขาวที่คลินิกเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำชุดฟอกฟันที่บ้านกลับไปทำต่อเพิ่อความขาวของฟันที่คงทนและยาวนานยิ่งขึ้น ด้วยการเลือกใช้ เปอร์เซนต์ความเข้มข้นของนำ้ยาฟอกฟันที่เหมาะสมกับคนไข้ ยิ่งสูงย่อมทำให้ฟันขาวมากยิ่งขึ้น *นำ้ยาฟอกฟันที่มีความเข้มข้นมี %เปอร์เซนต์ทีสูงสามารถสั่งได้โดยทันตแพทย์เท่านั้น*

ขั้นตอนการฟอกฟันขาว ระบบพลังแสงเย็น ที่คลินิก

1. ใส่เครื่องมือคุ้มครองช่องปาก

2. ใส่นำยา NeoDam เพื่อคุ้มกันเหงือก

3. ใส่นำยาฟอกฟันลงบนฟัน

4. ทำการฉายพลังแสงเย็น Hydrogen Peroxide ให้เกิดปฏิกิริยากับนำยาฟอกฝัน 15 นาที x 3 รอบ (*ใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง*)

เพียงเท่านี้คุณก็จะยิ้มได้อย่างมั่นใจกับฟันที่ขาวสวย สดใส!

เปลี่ยนรอยยิ้ม เติมความมั่นใจด้วยการฟอกฟันขาว ระบบ Cool Light LED

ฟันขาวใส ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมความมั่นใจในรอยยิ้ม แต่ยังสร้างความประทับใจแรกพบแก่ผู้คนรอบข้างได้อีกด้วย หากคุณกำลังกังวลเรื่องฟันหมองคล้ำ สีเหลือง หรือสีเทา และอยากได้ฟันขาวใสอีกครั้ง การฟอกฟันขาวด้วยเทคโนโลยี Cool Light LED อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหา!

ใครบ้างที่ควรฟอกฟันขาว?

หากคุณมีปัญหาสีฟันคล้ำ ไม่ขาวใส หรืออยากเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม ลองเช็คตัวเองจากลิสต์นี้ว่าเข้าข่ายหรือไม่:

  1. ผู้ที่ต้องการสร้างความประทับใจในที่ทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องพบปะผู้คนบ่อย ๆ
  2. คนที่ชื่นชอบการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  3. ผู้ที่สูบบุหรี่จนฟันหมองคล้ำ
  4. ผู้ที่มีปัญหาเนื้อฟันเหลืองจากการใช้ยาปฏิชีวนะในอดีต

การฟอกฟันขาวไม่เพียงเปลี่ยนสีฟัน แต่ยังเติมเต็มความมั่นใจ และทำให้คุณยิ้มได้อย่างภาคภูมิใจทุกครั้ง

เปลี่ยนลุคให้ฟันขาวปิ๊ง! ฟอกสีฟันช่วยได้จริงหรือเปล่า?

อยากรู้ไหมว่าการฟอกสีฟันช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริงหรือเปล่า? คำตอบคือ ได้จริงแน่นอน หลังจากฟอกสีฟัน คุณจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ฟันขาวขึ้น แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สีฟันเดิมของคุณ คุณภาพของน้ำยาฟอกสีฟัน และอุปกรณ์ที่ใช้ รวมถึงการดูแลช่องปากในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสีจัด หรือการเลิกสูบบุหรี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยยืดอายุความขาวของฟันได้ครับ

นอกเหนือจากการฟอกสีฟัน ยังมีอีกวิธีที่ทำให้ฟันของคุณกลับมาขาวใสเหมือนใหม่ นั่นคือ การทำวีเนียร์ (Veneer) หรือการเคลือบฟันขาว วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาฟันเหลือง ฟันดำคล้ำ หรือฟันที่ดูไม่สดใส โดยวีเนียร์เป็นแผ่นเซรามิกบางๆ ที่ออกแบบมาให้พอดีกับฟันของคุณ ติดไว้บริเวณด้านหน้าของฟัน ช่วยให้รอยยิ้มดูสวยขึ้นทันที และคุณยังสามารถเลือกระดับความขาวของฟันได้ตามความต้องการอีกด้วย

ฟอกสีฟันแล้วขาวขึ้นมากแค่ไหน?

ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟันส่วนใหญ่มักทำให้ฟันขาวขึ้นประมาณ 3-5 เฉด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสีฟันเดิมและการตอบสนองของฟันต่อน้ำยาฟอกสีฟัน คุณหมอจะมีแผ่นเทียบเฉดสีฟันให้ดูเพื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการฟอก ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนครับ

หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม การฟอกสีฟันถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม

การฟอกสีฟันมีกี่ประเภท? วิธีไหนเหมาะกับคุณที่สุด

  1. การฟอกสีฟันในคลินิก (In-office Whitening)
    เป็นวิธีการฟอกสีฟันที่ทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ร่วมกับการใช้แสง LED หรือเลเซอร์เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของน้ำยา จุดเด่นของวิธีนี้คือความปลอดภัย ทุกขั้นตอนอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์ ใช้เวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ
  2. การฟอกสีฟันที่บ้าน (At-home Whitening)
    เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง หลังจากพบทันตแพทย์ครั้งแรกเพื่อทำถาดฟอกฟันเฉพาะบุคคล คุณจะได้รับน้ำยาฟอกสีฟันพร้อมคำแนะนำในการใช้งาน วิธีนี้มีข้อดีที่ราคาย่อมเยากว่า แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความอดทน เพราะใช้เวลานานกว่าที่ผลลัพธ์จะชัดเจน
  3. การฟอกสีฟันแบบผสม (In-office Assisted Whitening)
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสีฟันเข้มมาก โดยทันตแพทย์จะเริ่มฟอกสีฟันในคลินิกก่อน จากนั้นจึงให้อุปกรณ์และน้ำยาฟอกสีฟันกลับไปทำต่อเองที่บ้าน วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการฟอกสีฟันและให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
  4. การใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันสำเร็จรูป (Over-the-counter Whitening)
    เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด เพราะสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น แถบฟอกฟัน ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว หรือน้ำยาบ้วนปาก ได้ตามร้านขายยาหรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเท่ากับการทำโดยทันตแพทย์
  5. การฟอกสีฟันเฉพาะซี่ (Internal Whitening)
    เป็นวิธีที่ออกแบบมาสำหรับฟันที่เปลี่ยนสีเฉพาะซี่ เช่น ฟันตายหรือฟันที่ได้รับการรักษารากฟัน ซึ่งต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น วิธีนี้ช่วยปรับสีฟันเฉพาะซี่ให้ดูสว่างขึ้นโดยไม่กระทบฟันซี่อื่น ๆ

เทคนิคการฟอกสีฟันที่กำลังเป็นที่นิยม

นอกจากวิธีการข้างต้น ยังมีการฟอกสีฟันที่เน้นใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่:

  1. ฟอกฟันด้วยแสงเย็น (Cool Light Whitening)
    ใช้แสง LED ฉายบนฟันที่ถูกทาน้ำยาฟอกสีฟัน แสงจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดสีบนผิวฟันแตกตัว ส่งผลให้ฟันดูขาวใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและปลอดภัย
  2. ฟอกฟันด้วยเลเซอร์ (Laser Whitening)
    เป็นการใช้แสงเลเซอร์ไดโอดในการกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้แทรกซึมลึกขึ้นในเนื้อฟัน วิธีนี้สามารถขจัดคราบและเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันสั้น
  3. ฟอกฟันแบบซูม (Zoom Whitening)
    ใช้พลังงานแสงสีฟ้าที่มีความเข้มข้นสูง กระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้ทำงานอย่างล้ำลึก ช่วยกำจัดคราบฝังแน่นบนผิวฟันโดยไม่ทำลายเนื้อฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกฟันแบบมืออาชีพในระยะเวลาเพียง 30-45 นาที

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการฟอกสีฟันแบบใด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้ได้วิธีที่เหมาะสมกับสภาพฟันของคุณมากที่สุดครับ การฟอกสีฟันที่ดีไม่เพียงช่วยเพิ่มความมั่นใจ แต่ยังช่วยเสริมสร้างรอยยิ้มที่สดใสในแบบที่คุณต้องการ

คู่มือการฟอกสีฟันแบบเข้าใจง่าย

เตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน

  1. ตรวจเช็คสีฟัน
    ก่อนเริ่มต้นกระบวนการฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะตรวจสอบและวัดระดับสีฟันของคุณเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์หลังการรักษา
  2. ทำความสะอาดฟัน
    การเตรียมฟันให้พร้อมเป็นขั้นตอนสำคัญ ทันตแพทย์จะขูดหินปูน (หากมี) และขัดฟันเพื่อให้ผิวฟันสะอาดหมดจด
  3. ป้องกันเหงือกและริมฝีปาก
    ใช้อุปกรณ์ช่วยปกป้องริมฝีปากและเหงือก เพื่อความปลอดภัยระหว่างการฟอกสีฟัน

กระบวนการฟอกสีฟัน

  • ทันตแพทย์จะทาน้ำยาฟอกสีฟันที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด แล้วใช้เครื่อง Cool Light LED กระตุ้นการทำงานของน้ำยา
  • ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที

หลังฟอกสีฟันอาจเกิดอะไรขึ้น?

บางคนอาจรู้สึกเสียวฟันเล็กน้อยหลังการฟอกสีฟัน ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาการนี้มักลดน้อยลง และจะหายไปเองภายใน 48 ชั่วโมง

เคล็ดลับการดูแลฟันขาวให้ยาวนาน

  1. เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม
    เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือไวน์แดง เพราะอาจทำให้ฟันกลับมาหมองเร็วขึ้น หากจำเป็นต้องดื่ม ควรบ้วนปากทันที
  2. งดสูบบุหรี่
    การสูบบุหรี่เป็นตัวการทำให้ฟันเปลี่ยนสีเร็วขึ้น และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากอีกด้วย
  3. แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ
    ใช้แปรงสีฟันและไหมขัดฟันที่เหมาะสม เพื่อขจัดคราบอาหารและป้องกันคราบฝังลึกบนผิวฟัน
  4. ตรวจฟันเป็นประจำ
    พบคุณหมอฟันทุก 6 เดือน เพื่อดูแลสุขภาพฟันและช่องปากอย่างต่อเนื่อง

ฟอกสีฟันให้ปลอดภัย ต้องทำอย่างไร?

เลือกฟอกสีฟันกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองเท่านั้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อเองอาจเสี่ยงต่อการอักเสบ เสียวฟัน หรือทำลายเนื้อฟันในระยะยาว

การฟอกสีฟันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ด้วยการดูแลที่เหมาะสม ฟันของคุณจะขาวสวยสดใสได้ยาวนาน

เคล็ดลับเลือกคลินิกฟอกฟันขาว

หากคุณสนใจฟอกฟันขาวเพื่อเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม ควรเลือกคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน ทันตแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ และได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ การดูรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการจริงก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยยืนยันคุณภาพและความน่าเชื่อถือของคลินิกได้

การฟอกฟันขาวไม่เพียงช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ของรอยยิ้ม แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวคุณอีกด้วย ลองหาคลินิกที่ใช่ และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงรอยยิ้มของคุณกันเลยครับ

Q & A คำถามที่พบบ่อยๆ ​

ถ้าคุณกำลังจัดฟันอยู่ ขอแนะนำให้รอจนกว่าการจัดฟันจะเสร็จสิ้นก่อนที่จะฟอกฟันขาว เนื่องจากอุปกรณ์จัดฟันอย่างแบร็คเก็ตที่ติดอยู่บนฟันจะทำให้ฟันฟอกออกมาไม่สม่ำเสมอ แนะนำให้เริ่มฟอกฟันขาวหลังจากถอดเหล็กจัดฟันประมาณ 3-6 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฟอกฟันขาวเพียงครั้งแรก คุณก็จะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีฟันที่สว่างขึ้นแล้วครับ อย่างไรก็ตาม ระดับความขาวจะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละคน

ขั้นตอนการฟอกฟันขาวใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 30-45 นาทีเท่านั้น

ไม่ต้องกังวลครับ การฟอกฟันขาวไม่ได้ทำให้เนื้อฟันบางลง น้ำยาฟอกสีฟันจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีในฟัน ทำให้ฟันดูขาวขึ้นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของเนื้อฟัน

การฟอกฟันขาวไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บ แต่บางคนอาจมีอาการเสียวฟันขณะทำหรือหลังทำเสร็จ ซึ่งอาการนี้มักจะหายไปเองภายใน 48 ชั่วโมง

ผลลัพธ์ของฟันที่ขาวสดใสจะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก การรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม และพฤติกรรมส่วนตัวของคุณ

 

ฟอกฟันขาว (Teeth Whitening) คือกระบวนการทางทันตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนสีฟันที่หมองคล้ำ เหลือง หรือมีคราบ ให้กลับมามีความขาวสว่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย

วิธีการฟอกฟันขาวที่ iDentist Clinic

iDentist Clinic มีบริการฟอกฟันขาว 2 รูปแบบหลัก ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

1. การฟอกฟันขาวที่คลินิก (In-Office Whitening) เป็นการฟอกสีฟันที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วที่สุด โดยทำภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ทั้งหมด มักใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขั้นตอนหลัก ๆ

  1. ทำความสะอาดฟัน: ทันตแพทย์จะตรวจสุขภาพช่องปาก และอาจทำการขูดหินปูนหรือขัดฟันก่อนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

  2. ปกป้องเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อน: ทันตแพทย์จะใส่วัสดุป้องกัน (เช่น NeoDam) เพื่อปกป้องเหงือก ริมฝีปาก และเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากจากน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง

  3. ทาน้ำยาฟอกสีฟัน: ทาน้ำยาฟอกสีฟันความเข้มข้นสูงลงบนผิวฟัน

  4. กระตุ้นด้วยแสงเย็น (Cool Light LED): ใช้พลังงานแสงเย็นฉายกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟัน (Hydrogen Peroxide) ให้เกิดปฏิกิริยาการฟอกสีอย่างรวดเร็ว

  5. ทำซ้ำ: ขั้นตอนนี้จะทำซ้ำประมาณ 2-3 รอบ (รอบละประมาณ 15 นาที) จนได้ความขาวตามที่ต้องการ

2. ชุดฟอกฟันขาวที่บ้าน (Home Bleaching Kit) เป็นการฟอกสีฟันด้วยตนเองที่บ้าน โดยใช้ชุดอุปกรณ์ที่ได้รับจากคลินิก ขั้นตอนหลัก ๆ

  1. พิมพ์ปากและทำถาดฟอกสีฟัน: ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปากของคุณเพื่อทำ ถาดฟอกสีฟัน (Tray) เฉพาะบุคคล ซึ่งจะมีขนาดพอดีกับฟันของคุณเท่านั้น

  2. รับชุดน้ำยาและคำแนะนำ: คุณจะได้รับถาดฟอกสีฟันและเจลฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำกว่าที่ใช้ในคลินิก (เช่น น้ำยา Opalescence ของ USA) พร้อมคำแนะนำจากทันตแพทย์

  3. ดำเนินการที่บ้าน: คุณจะนำเจลฟอกสีฟันมาใส่ในถาดแล้วสวมครอบฟันไว้ตามเวลาที่ทันตแพทย์กำหนด (มักจะเป็นช่วงกลางคืน หรือ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน)

ความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่างการฟอกสีฟันที่คลินิกกับการฟอกสีฟันที่บ้าน คือ ความเข้มข้นของน้ำยา ความรวดเร็วของผลลัพธ์ และ การดูแลโดยทันตแพทย์

คุณสมบัติ1. ฟอกสีฟันที่คลินิก (In-Office Whitening)2. ชุดฟอกสีฟันที่บ้าน (Home Bleaching)
ความเข้มข้นของน้ำยาสูงมาก (สั่งจ่ายและใช้โดยทันตแพทย์เท่านั้น)ต่ำกว่า (ออกแบบมาให้ใช้เองได้อย่างปลอดภัย)
ความรวดเร็วของผลลัพธ์รวดเร็วมาก เห็นผลชัดเจนทันทีภายใน 1 ชั่วโมงค่อยเป็นค่อยไป ต้องทำต่อเนื่องหลายวัน/สัปดาห์จึงจะเห็นผลชัดเจน
การใช้แสงกระตุ้นมีการใช้แสง (Cool Light LED) เพื่อเร่งปฏิกิริยาไม่มี (หรือใช้ไฟ LED พลังงานต่ำมาก)
ความเสี่ยงเสียวฟันมีโอกาสเสียวฟันมากกว่า เนื่องจากน้ำยาเข้มข้นสูง แต่ทันตแพทย์จะควบคุมและมียาลดการเสียวฟันเสียวฟันน้อยกว่า หรือแทบไม่เสียวฟันเลย
ค่าใช้จ่ายสูงกว่าต่ำกว่า (เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายต่อครั้ง)
ความสะดวกต้องนัดและเดินทางไปคลินิกสามารถทำได้ทุกเวลาที่บ้าน โดยการใส่ถาดฟอกฟัน
ความปลอดภัยสูงสุด เพราะทุกขั้นตอนอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์ปลอดภัย หากทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

ฟอกฟันขาวเจ็บไหม จะไม่เจ็บปวด การฟอกฟันขาวเป็นหัตถการที่ไม่ต้องใช้เข็มฉีดยาชา และไม่ทำลายโครงสร้างของเนื้อฟัน อาจมีอาการเสียวฟัน (Sensitivity) เนื่องจากน้ำยาฟอกสีฟันที่ใช้ในคลินิกมีความเข้มข้นสูง ผู้รับบริการบางรายอาจรู้สึก เสียวฟันเล็กน้อยถึงปานกลาง ในระหว่างหรือหลังการรักษา โดยเฉพาะในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก

ดื่มน้ำด้วยหลอด หากจำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มที่มีสีอ่อน เช่น น้ำผลไม้ ควรใช้หลอดดูดเพื่อลดการสัมผัสกับผิวฟัน อาการเสียวฟัน ใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟันที่ทันตแพทย์แนะนำ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่กระตุ้นอาการเสียวฟัน

  • ควบคุมอาหารมีสี แม้จะพ้น 48 ชั่วโมงไปแล้ว ก็ยังควร ลดปริมาณ หรือ ลดความถี่ ในการดื่มชา กาแฟ ไวน์ หรืออาหารที่มีสีเข้ม หากดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ ควรบ้วนปากหรือแปรงฟันทันทีหลังดื่ม

  • งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ฟันกลับมามีสีเหลืองเร็วที่สุด การงดสูบช่วยยืดอายุความขาวได้มาก

การเลือกคลินิกฟอกฟันขาวที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยมีความสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความสวยงามของรอยยิ้มโดยตรง นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก ๆ

  1. ความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของคลินิก
  2. ความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์
  3. ข้อมูลและรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

อาการเสียวฟันเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฟอกสีฟันแต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ที่ Identist Clinic ทันตแพทย์จะประเมินสุขภาพฟันของคุณก่อนทำการรักษา และเลือกใช้น้ำยาที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ช่วยลดอาการเสียวฟัน โดยอาการเสียวฟันมักจะเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 1-2 วัน

ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสีฟันเดิมและสาเหตุของฟันเหลือง  โดยทั่วไปแล้วฟันจะขาวขึ้นได้หลายระดับเลย  ส่วนความขาวจะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและพฤติกรรมการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มของคุณ เช่น ชา กาแฟ หรือการสูบบุหรี่ โดยปกติแล้วความขาวจะอยู่ได้นาน 6 เดือน ถึง 2 ปี หากดูแลอย่างดีก็จะช่วยให้ฟันขาวได้ยาวนานขึ้น

การฟอกสีฟันเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสีฟันหมองคล้ำ ฟันเหลืองจากคราบอาหาร เครื่องดื่ม หรืออายุที่มากขึ้น และต้องการมีฟันที่ขาวสว่างขึ้นเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำสำหรับสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี

ก่อนมาฟอกสีฟัน แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากก่อนนะคะ หากมีฟันผุหรือเหงือกอักเสบ ควรทำการรักษาก่อน และควรขูดหินปูนเพื่อกำจัดคราบต่างๆ บนผิวฟัน ซึ่งจะช่วยให้การฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

เพื่อให้ฟันขาวอยู่กับเราไปนานๆ แนะนำให้ปฏิบัติตามนี้

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง หรือซอสต่างๆ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังฟอกสีฟัน
  • งดสูบบุหรี่
  • ดูแลความสะอาดช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
  • พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือน

การฟอกสีฟันภายใต้การดูแลของทันตแพทย์มีความปลอดภัยสูงมาก น้ำยาที่ใช้ถูกออกแบบมาสำหรับฟันโดยเฉพาะและไม่ทำลายโครงสร้างหรือเคลือบฟันธรรมชาติ การฟอกสีฟันที่ Identist Clinic จึงมั่นใจได้ทั้งความสวยงามและความปลอดภัย

การฟอกสีฟันจะได้ผลกับ “ฟันธรรมชาติ” เท่านั้นสีของวัสดุอุดฟัน วีเนียร์ หรือครอบฟันจะไม่ขาวขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น หากคุณมีวัสดุเหล่านี้ที่ฟันหน้า อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนวัสดุใหม่หลังฟอกสีฟันเพื่อให้มีสีที่สม่ำเสมอกัน

ไม่ควรทำบ่อยเกินไป โดยทั่วไปแนะนำให้ทำซ้ำได้ทุกๆ 1-2 ปี หรือเมื่อรู้สึกว่าสีฟันเริ่มกลับมาคล้ำลง การทำบ่อยเกินความจำเป็นอาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการเสียวฟัน

  • ลดการดื่มชา กาแฟ หากดื่มควรใช้หลอดดูด
  • บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้งหลังทานอาหาร
  • แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ
  • พบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนและตรวจฟันทุก 6 เดือน

ยาสีฟันฟอกฟันขาวส่วนใหญ่จะช่วยขจัดคราบสีที่ผิวฟันชั้นนอกเท่านั้น ทำให้ฟันดูสว่างขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเฉดสีฟันจากเนื้อฟันด้านในได้เหมือนการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่ามาก

เพราะคราบหินปูนที่เกาะอยู่บนผิวฟันจะไปขัดขวางการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ทำให้ประสิทธิภาพลดลงและอาจทำให้สีฟันขาวไม่สม่ำเสมอ การขูดหินปูนออกก่อนจึงเป็นการเตรียมผิวฟันให้พร้อมรับการฟอกสีได้อย่างเต็ม