ถอนฟัน
เลือกหัวข้อถอนฟัน
iDentist Dental Clinic
ถอนฟัน
ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการถอนฟัน! ขั้นตอน สาเหตุ และการดูแลให้หายไว
ปวดฟันหนักมาก! ไม่ว่าจะเพราะฟันผุจนทะลุโพรงประสาท ฟันกรามแตก หรือเหตุผลอื่นๆ จนถึงขั้นต้องไปหาหมอฟัน แล้วสุดท้ายเจอคำวินิจฉัยที่เลี่ยงไม่ได้ว่า “ต้องถอนฟัน” เชื่อเลยว่าหลายคนต้องแอบกังวลกันบ้าง ทั้งกลัวเจ็บ กลัวผลกระทบหลังถอน หรือไม่รู้ว่าหลังทำต้องดูแลยังไงให้แผลหายเร็ว
ไม่ต้องห่วง! ในบทความนี้เราจะมาคุยเรื่องที่ทุกคนสงสัยกัน ตั้งแต่สาเหตุที่ทำให้หมอฟันตัดสินใจถอนฟัน ขั้นตอนการถอน ไปจนถึงเคล็ดลับการดูแลตัวเองให้แผลหายไวแบบไม่ต้องเจ็บนาน พร้อมแล้วไปดูกันเลย
การถอนฟันคืออะไร?
การถอนฟันก็เหมือนการเคลียร์ปัญหาใหญ่ในช่องปาก เป็นการดึงฟันที่มีปัญหาออกจากเบ้ากระดูก ซึ่งมักจะเป็นฟันที่รักษาไม่ไหวหรืออาจสร้างปัญหาในอนาคต วิธีการถอนนั้นมีตั้งแต่ขั้นตอนง่ายๆ ไปจนถึงขั้นตอนที่ต้องใช้ความชำนาญพิเศษ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของฟันและสาเหตุที่ต้องถอน
การถอนฟันอันตรายจริงหรือเปล่า?
หลายคนกลัวการถอนฟัน แต่ถ้าทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง! การใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานและทำในคลินิกที่สะอาด จะช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ได้เยอะมาก
แต่ถ้าไปถอนเองล่ะ? อย่าทำเด็ดขาด! เพราะการถอนฟันเองอาจทำให้แผลติดเชื้อ เหงือกอักเสบ หรือเกิดปัญหาใหญ่ที่แก้ยากกว่าเดิม ทางที่ดีให้หมอฟันมืออาชีพจัดการให้ดีกว่า รับรองปลอดภัยหายห่วง
แล้วทำไมต้องถอนฟัน?
- ฟันผุทะลุถึงโพรงประสาท: เจ็บหนักแบบนี้ ถอนเถอะ จะได้ไม่ต้องทรมาน
- ฟันคุด: ถ้าฟันคุดดันฟันซี่ข้างๆ จนปวด ก็ต้องเอาออก
- ฟันกรามแตก: ถ้าร้าวถึงรากฟัน ก็เก็บไว้ไม่ได้แล้ว
- ฟันโยกจากโรคเหงือก: ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ ถอนออกแล้วรักษาสุขภาพช่องปากดีกว่า
วิธีดูแลตัวเองหลังถอนฟัน
หลังถอนฟัน หลายคนมักจะกังวลว่าแผลจะหายช้า นี่คือเคล็ดลับที่ทำตามแล้วแผลจะหายไวสุดๆ
- กัดผ้าก็อซให้แน่น: ช่วยหยุดเลือดและป้องกันเลือดไหลซึม
- เลี่ยงอาหารร้อนและแข็ง: กินอาหารอ่อนๆ อุณหภูมิพอดี ช่วยไม่ให้แผลกระทบกระเทือน
- งดใช้ลิ้นดุนแผล: อยากสำรวจแผลแค่ไหนก็ต้องอดใจ เพราะจะทำให้แผลเปิด
- พักผ่อนเยอะๆ: ให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง
- ห้ามบ้วนน้ำแรงๆ: ป้องกันลิ่มเลือดหลุด จะได้ไม่มีเลือดออกใหม่
การถอนฟันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเตรียมตัวดี รักษาถูกวิธี และดูแลตัวเองตามคำแนะนำ รับรองว่าผ่านไปได้สบายๆ ใครที่ยังลังเลหรือกังวล ลองปรึกษาทันตแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพราะทุกปัญหามีทางแก้!
ถอนฟัน
ซี่ 500 – 1,000
ถอนฟัน ชนิดยาก
ซี่ 800 – 1,500
แค่ถอนฟันหรือต้องผ่า? เข้าใจง่าย ไม่สับสน!
ถอนฟัน VS ผ่าฟัน ต่างกันยังไง?
การถอนฟันคือการดึงฟันที่ขึ้นพ้นเหงือกแล้วออกแบบธรรมดา แต่ถ้าพูดถึงการผ่าฟัน นั่นคือการจัดการกับฟันที่ไม่สามารถขึ้นมาได้ตามปกติ เช่น ฟันคุด หรือฟันที่ถอนออกแบบธรรมดาไม่ได้ การผ่าฟันยังต้องมีการเย็บแผลปิดท้ายด้วยนะ
ฟันคุด คืออะไร? ไม่ได้แปลว่าเป็นคุดแต่อย่างใด!
ฟันคุดคือฟันแท้ที่อยู่บริเวณท้ายแถวสุดของขากรรไกร อาจขึ้นมาครึ่งๆ กลางๆ หรือไม่ขึ้นมาเลยก็ได้ เหตุผลที่มันคุดก็เพราะอาจมีเหงือกหรือกระดูกขวางไว้ หรือบางทีฟันมันเอียงไปชนกับฟันข้างเคียง พูดง่ายๆ ก็คือ ฟันคุดคือฟันที่ขึ้นผิดท่า นั่นเอง
ถอนฟันเพราะอะไร? รวมเหตุผลที่ต้องบอกลาฟันซี่เก่า
- เตรียมพื้นที่ให้ฟันใหม่ จัดฟันดีกว่าเดิม!
ถ้าคุณกำลังจะจัดฟัน แล้วเจอปัญหาฟันซ้อน ฟันเก ทันตแพทย์อาจต้องถอนฟันบางซี่เพื่อเปิดพื้นที่ให้ฟันจัดเรียงตัวใหม่ และใส่เครื่องมือจัดฟันได้ง่ายขึ้น - ฟันผุหนัก รักษาไม่ไหว ต้องลาก่อน
ฟันที่ผุลึกจนถึงโพรงฟัน หรือเนื้อฟันเสียหายมากจนไม่สามารถอุดหรือครอบฟันได้ ทางออกเดียวคือถอนออกก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม - เหงือกอักเสบ จนฟันอยู่ไม่ไหว
โรคเหงือก เช่น โรคปริทันต์ อาจทำให้เหงือกบวม เหงือกร่น และลุกลามไปถึงกระดูกยึดฟัน ถ้าอาการหนัก ฟันซี่นั้นก็ต้องออกจากปากไป - อุบัติเหตุ ฟันหักเกินเยียวยา
ถ้าฟันหักหนักจนเหลือเนื้อฟันน้อยเกินไป ไม่สามารถซ่อมแซมได้ การถอนฟันคือคำตอบที่ดีที่สุด
ใครบ้างที่ควรระวังถ้าต้องถอนฟัน
- คนเป็นเบาหวาน ต้องเช็กน้ำตาลก่อน
คนที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี บาดแผลอาจหายช้าและเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย แต่ถ้าน้ำตาลอยู่ระหว่าง 90-200 mg/dl ก็ยังสามารถถอนฟันหรือผ่าฟันเล็กๆ ได้ - คนที่อาจมีอาการแทรกซ้อนตอนทำฟัน
ใครที่เป็นโรคหัวใจ หอบหืด ความดันสูง หรือโรคลมชัก ควรแจ้งทันตแพทย์ล่วงหน้า เพราะอาจเกิดอาการระหว่างการรักษาได้ - คนที่เลือดหยุดไหลยาก
ถ้าเคยเป็นลิวคีเมีย เกล็ดเลือดต่ำ หรือเคยเปลี่ยนลิ้นหัวใจ รวมถึงคนที่ทานยาละลายลิ่มเลือด ต้องปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัย
เตรียมตัวก่อนถอนฟันให้เป๊ะ!
- ดูแลร่างกายให้พร้อมสุดๆ
พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารดีๆ ให้ครบหมู่ เตรียมร่างกายให้ฟิตที่สุดก่อนวันจริง - เล่าเรื่องสุขภาพแบบไม่มีกั๊ก
บอกทันตแพทย์ทุกอย่างเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเอง ถ้ามีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน หรือต้องกินยาประจำ คุยให้เคลียร์เพื่อความปลอดภัย - กินข้าวให้อิ่มก่อนถอนฟัน
จัดมื้อใหญ่ให้อิ่ม เพราะหลังถอนฟันอาจปวดจนไม่อยากกินอะไร แต่อย่าลืมแปรงฟันให้สะอาดก่อนนะ! - หลีกเลี่ยงเครื่องประดับและแต่งหน้า
อย่าพกของเยอะ และงดแต่งหน้าเยอะๆ เพราะเดี๋ยวต้องถอดออกหมดอยู่ดี จะได้ไม่ยุ่งยาก
ขั้นตอนการถอนฟันแบบชิลๆ
- ตรวจเช็กฟันก่อนถอน
ทันตแพทย์จะเช็กฟันอย่างละเอียด อาจต้อง X-ray เพิ่มเติม ถ้าจำเป็น - วัดความดันโลหิตเพื่อความชัวร์
ใครความดันสูง ระวัง! เพราะอาจทำให้เลือดออกเยอะ ถ้าสูงเกินไป คุณหมออาจเลื่อนวันถอนออกไปก่อน - ยาชามาแล้ว!
เริ่มด้วยการทายาชาแล้วตามด้วยฉีดยาชา แค่นี้ก็จะรู้สึกแค่ตึงๆ ไม่ต้องกลัวเจ็บ - ถอนฟันออกง่ายๆ
เมื่อฟันหลุดปุ๊บ ต้องกัดผ้าก๊อซสะอาดๆ ไว้ 30-60 นาที เพื่อให้เลือดหยุดไหล - คำแนะนำหลังถอนฟัน
ทันตแพทย์จะบอกวิธีดูแลตัวเองหลังถอนฟัน เช่น งดกินของร้อน งดซดน้ำด้วยหลอด และงดใช้ฟันบริเวณนั้นเคี้ยวอาหาร
แผลถอนฟันเป็นแบบไหนกันนะ?
พอถอนฟันออกแล้ว หลุมลึกจะเกิดขึ้นตรงที่ฟันเคยฝังอยู่ รูปร่างของหลุมจะขึ้นอยู่กับรากฟันที่ถูกดึงออกไป หลังจากนั้นเลือดจะเริ่มจับตัวเป็นลิ่มเลือดเล็กๆ เพื่อช่วยหยุดเลือดไหล
เคล็ดลับดูแลแผลหลังถอนฟัน
อยากให้แผลหายไว ลองทำตามนี้เลย:
- กัดผ้าก๊อซแน่นๆ: หลังถอนฟันใหม่ๆ ถ้ายังมีเลือดไหล ให้กัดผ้าก๊อซแบบแน่นหนาเพื่อช่วยห้ามเลือด
- ใช้น้ำแข็งประคบ: เอาน้ำแข็งมาประคบบริเวณแก้มตรงแผล ประมาณ 15-30 นาที จะช่วยลดบวมและบรรเทาอาการปวดได้
- อย่าดุนแผลเล่น: ห้ามเอาลิ้นไปดุน หรือดูดแผลเด็ดขาด! อย่าบ้วนน้ำลายแรงๆ ด้วย เพราะจะทำให้เลือดไหลไม่หยุด
- พักน้ำยาบ้วนปากก่อน: ในช่วง 6 ชั่วโมงแรกไม่ต้องใช้น้ำยาบ้วนปาก และ 12 ชั่วโมงแรกไม่ควรบ้วนน้ำเลย แต่หลังจากนั้นให้ใช้น้ำเกลืออุ่นๆ บ้วนเบาๆ ได้
- เลือกกินอาหารนิ่มๆ: งดของเผ็ด ของร้อน และเน้นกินอาหารอ่อนๆ ช่วง 2-3 วันแรก
- เลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์: ทั้งคู่จะทำให้แผลหายช้าลง เลี่ยงไว้ก่อนดีกว่า
- กินยาแก้ปวดตามหมอบอก: ทันตแพทย์ให้ยามา ก็กินตามคำแนะนำเลย
เลือดไม่หยุดไหล ต้องทำยังไง?
ถ้าเลือดไหลไม่หยุด ให้กัดผ้าก๊อซแน่นๆ ตรงแผลนาน 30-60 นาที ถ้ายังไหลอยู่ก็เปลี่ยนผ้าก๊อซแล้วกัดต่อ อย่าบ้วนน้ำลายหรือเลือดออกเด็ดขาด เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้เลือดไหลอีก ถ้าลองทำแล้วเลือดยังไม่หยุดไหล ติดต่อหมอฟันด่วนเลย!
ถอนฟันเจ็บไหม?
ตอนถอนฟัน ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะทันตแพทย์จะฉีดยาชาให้ก่อน จะรู้สึกแค่ตึงๆ นิดหน่อย แต่พอยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการปวดเล็กน้อย ถ้าปวดมากก็กินยาแก้ปวดหรือใช้น้ำแข็งประคบ แป๊บเดียวก็ดีขึ้นแล้ว
ถอนฟัน เลือดไหลไม่หยุด ทำไงดี?
ช่วงแรกๆ หลังถอนฟัน เลือดอาจซึมออกมาได้ ให้กัดผ้าก๊อซไว้ 2 ชั่วโมง แล้วลองคายออกดู ถ้ายังมีเลือดให้กัดต่ออีก 1 ชั่วโมง แต่ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหล หรือซึมไม่หยุดนานเกินไป รีบกลับไปหาหมอทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้!
เคล็ดลับช่วยบรรเทาอาการปวดหลังถอนฟันแบบง่าย ๆ
- กินยาแก้ปวดตามที่หมอฟันจัดให้
ถ้าปวดฟันหลังถอนฟัน อย่ารีรอที่จะกินยาที่หมอฟันจ่ายมาให้ จะช่วยลดอาการปวดได้เร็วขึ้น - เอาน้ำแข็งประคบแก้มตรงฟันที่ถอนออก
จับน้ำแข็งใส่ผ้าบาง ๆ แล้วเอามาประคบตรงแก้มข้างที่ทำฟันไว้ซัก 10-20 นาที แค่นี้ก็ช่วยลดเจ็บ ลดบวมได้ - อย่าเอามือไม้หรืออะไรไปแหย่แผล
อย่าทำตัวซน ๆ เอานิ้วไปแหย่ เอาไม้จิ้มฟันไปแคะ หรือใช้ลิ้นไปดุนแผล เพราะนอกจากจะทำให้เจ็บกว่าเดิมแล้ว ยังเสี่ยงแผลอักเสบด้วย
สรุป เรื่องถอนฟัน
การถอนฟันไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวขนาดนั้นนะ! หลายคนอาจจะต้องถอนฟันเพราะจัดฟันรอบแรก รอบสอง บางคนเจอฟันแตกจากอุบัติเหตุ หรือเป็นโรคเหงือกและฟันต่าง ๆ ที่ต้องแก้ไข แต่ไม่ว่าจะถอนฟันด้วยเหตุผลอะไร ขอให้ไปหาหมอฟันที่มีความเชี่ยวชาญจะดีกว่า
ตอนทำก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเจ็บ เพราะเดี๋ยวหมอฉีดยาชาให้จนไม่รู้สึกอะไร และหลังทำเสร็จหมอก็จะมีทั้งยาแก้ปวดและคำแนะนำการดูแลตัวเองกลับบ้านไปด้วย แค่ทำตามคำแนะนำที่ให้มาก็หมดปัญหาปวดแผลแน่นอน!
Q & A คำถามที่พบบ่อยๆ
- การถอนฟัน (Tooth Extraction) คือ การนำฟันซี่ที่มีปัญหาออกจากเบ้าฟันในกระดูกขากรรไกร เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาทางทันตกรรม
24 ชั่วโมงแรก ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
- กัดผ้าก๊อซให้แน่น กัดผ้าก๊อซนิ่งๆ ต่อเนื่องประมาณ 1-2 ชั่วโมง หลังถอนฟันเสร็จ เพื่อให้เลือดหยุดไหลสนิท หากยังมีเลือดซึม สามารถเปลี่ยนผ้าก๊อซชิ้นใหม่แล้วกัดต่อได้ครับ/ค่ะ
- ห้ามบ้วนน้ำลาย/บ้วนปากแรงๆ การบ้วนปากหรือดูดแผลแรงๆ ในวันแรก อาจทำให้ลิ่มเลือดที่กำลังก่อตัวเพื่อปิดปากแผลหลุดออก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบ (Dry Socket) ที่ทำให้ปวดแผลมากและแผลหายช้า
- ประคบเย็น ใช้เจลเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณแก้มด้านที่ถอนฟัน โดยประคบ 15 นาที พัก 15 นาที สลับกันไป จะช่วยลดอาการบวมและปวดได้ดีมากครับ/ค่ะ
- หลีกเลี่ยงการแปรงฟันโดนแผล สามารถแปรงฟันซี่อื่นๆ ได้ตามปกติ แต่ให้เว้นบริเวณแผลไว้ก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนแผล
- ทานอาหารอ่อนๆ และเย็น ควรทานอาหารที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป หรือโยเกิร์ต และควรเป็นอาหารที่ไม่ร้อนจัด เพื่อป้องกันการระคายเคืองแผล
- งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงหนัก การออกกำลังกายหนักๆ หรือการยกของหนัก อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและมีเลือดซึมออกจากแผลได้
หลัง 24 ชั่วโมงเป็นต้นไป
- เริ่มบ้วนปากเบาๆ ใช้น้ำเกลืออุ่นๆ (เกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว) บ้วนปากเบาๆ หลังรับประทานอาหาร เพื่อช่วยทำความสะอาดเศษอาหารและลดการสะสมของแบคทีเรีย
- ประคบอุ่น (ถ้ามีรอยช้ำ) หากมีรอยเขียวช้ำบริเวณแก้ม สามารถเปลี่ยนมาใช้การประคบอุ่นเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและลดรอยช้ำได้
- รับประทานยาตามที่ทันตแพทย์สั่ง ทานยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะ (ถ้ามี) ให้ครบตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อบรรเทาอาการปวดและป้องกันการติดเชื้อ
- แปรงฟันอย่างระมัดระวัง เริ่มแปรงฟันบริเวณใกล้ๆ แผลได้ แต่ต้องทำอย่างเบามือที่สุด
” ระหว่างถอนฟัน จะไม่รู้สึกเจ็บ “
- ยาชาจะออกฤทธิ์ไปบล็อกเส้นประสาทที่รับความรู้สึกบริเวณนั้นชั่วคราว ทำให้คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ระหว่างที่ฟันถูกนำออกมา สิ่งที่คุณจะรู้สึกได้คือ “แรงกด” หรือ “แรงโยก” ขณะที่ทันตแพทย์ใช้เครื่องมือขยับฟันให้หลวม แต่จะไม่มีความรู้สึกเจ็บแหลมๆ เหมือนเวลาปวดฟันแน่นอน ทันตแพทย์ของเราที่ iDentist Clinic ทุกท่านจะคอยถามและเช็กให้แน่ใจเสมอว่ายาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้วก่อนจะลงมือทำหัตถการ
ความเจ็บเล็กน้อยที่อาจเจอ คือตอนฉีดยาชา ซึ่งจะเป็นความรู้สึกเหมือนมดกัดแว๊บเดียวเท่านั้น และทันตแพทย์ส่วนใหญ่มักจะทายาชาชนิดเจลที่เหงือกก่อน เพื่อลดความรู้สึกตอนเข็มจิ้มลงไปอีกด้วย
ฟันคุด ก็คือ “ฟันที่ไม่สามารถขึ้นมาในช่องปากได้ตามปกติ” เหมือนฟันซี่อื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักจะหมายถึง ฟันกรามซี่สุดท้าย (ซี่ที่ 8) ซึ่งเป็นฟันที่จะขึ้นช้าที่สุดในช่วงอายุประมาณ 17-25 ปี “ถอน” หรือ “ผ่า” รู้ได้อย่างไร การตัดสินใจว่าจะใช้การ “ถอน” แบบปกติ หรือต้อง “ผ่าตัด” นั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะการขึ้นของฟันคุดซี่นั้นๆ ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินจากฟิล์ม X-ray
สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรืออยู่ในภาวะบางอย่าง จำเป็นต้องได้รับการดูแลและวางแผนอย่างรอบคอบเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มาดูกัน ว่ามีกลุ่มใดบ้างที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
- กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด ความเครียดหรือความกังวลขณะทำฟันอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ยาชาบางชนิดมีส่วนผสมของสารที่ทำให้หลอดเลือดหดตัวซึ่งอาจมีผลต่อความดันเช่นกัน
- โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี จะมีความเสี่ยง 2 อย่างหลักๆ คือ แผลจะหายช้ากว่าคนปกติ และ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
- โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ผู้ป่วยบางรายที่ได้รับ ยารักษากระดูกพรุนในกลุ่มบิสฟอสโฟเนต (Bisphosphonates) ทั้งแบบทานและแบบฉีด มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ “กระดูกขากรรไกรตาย” (MRONJ) หลังการถอนฟัน ซึ่งเป็นภาวะที่แผลไม่หายและมีกระดูกโผล่ในช่องปาก
- กลุ่มผู้ป่วยอื่นๆ ที่ต้องระวัง
- หญิงตั้งครรภ์ โดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงการถอนฟันในช่วง 3 เดือนแรกและ 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ช่วงที่ปลอดภัยที่สุดคือไตรมาสที่ 2 (เดือนที่ 4-6) แต่ต้องทำภายใต้การดูแลร่วมกันของทันตแพทย์และสูตินรีแพทย์
- ผู้ป่วยโรคไต โดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงการถอนฟันในช่วง 3 เดือนแรกและ 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ช่วงที่ปลอดภัยที่สุดคือไตรมาสที่ 2 (เดือนที่ 4-6) แต่ต้องทำภายใต้การดูแลร่วมกันของทันตแพทย์และสูตินรีแพทย์
- ผู้ป่วยที่เคยได้รับการฉายรังสี การถอนฟันอาจมีความเสี่ยงทำให้กระดูกบริเวณนั้นตายจากการขาดเลือดได้
- ผู้ป่วยที่รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ร่างกายจะอ่อนแอและติดเชื้อได้ง่ายมาก
- ฟันผุ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องถอนเสมอไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการผุ
- ฟันโยก เป็นอาการที่บ่งบอกว่าอวัยวะรอบๆ ฟัน (เหงือกและกระดูก) ที่ทำหน้าที่ยึดฟันไว้กำลังมีปัญหา ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักมาจาก โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) หรือโรคเหงือกอักเสบรุนแรง
- ฟันกรามแตก
- ไม่จำเป็น ต้องถอน แตกเพียงเล็กน้อยที่ด้านบดเคี้ยว สามารถบูรณะด้วย การอุดฟัน หรือทำ อินเลย์/ออนเลย์
- จำเป็น” ต้องถอน เมื่อรอยแตกยาวลึกลงไปถึงรากฟัน กรณีนี้จะไม่สามารถเก็บฟันไว้ได้แล้ว เพราะเชื้อโรคจะเข้าไปตามรอยแตกและทำให้เกิดการอักเสบในกระดูกรอบๆ รากฟัน การถอนจึงเป็นทางเลือกเดียวเพื่อกำจัดการติดเชื้อ
- อาหารและเครื่องดื่มที่ “ร้อนจัด” กาแฟร้อน, ชาร้อน, โจ๊กหรือซุปที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ
- อาหารที่ “แข็ง กรอบ หรือเคี้ยวยาก” ถั่ว, ขนมขบเคี้ยว, ป๊อปคอร์น, น้ำแข็ง, ข้าวเหนียว, หมูกรอบ, ไก่ทอด
- อาหาร “รสจัดจ้าน” (เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด) ส้มตำ, ต้มยำ, ยำต่างๆ, ของหมักดอง
- อาหารที่มี “เศษเล็กเศษน้อย” หรือ “เมล็ด” สตรอว์เบอร์รี, เสาวรส, งา, ขนมปังธัญพืช
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิด เบียร์, ไวน์, สุรา
- การใช้ “หลอดดูด” กับเครื่องดื่มทุกชนิด การใช้หลอดดูดจะสร้างแรงดูดหรือแรงดันลบในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้ “ลิ่มเลือด” ที่ปิดปากแผลอยู่หลุดออกไป และนำไปสู่ภาวะ กระดูกเบ้าฟันอักเสบ (Dry Socket) ที่เจ็บปวดและทรมานมาก
ติดต่อ iDentist Clinic ผ่านช่องทางที่คุณสะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์, inbox ผ่าน Facebook Page, หรือ Line Official เพื่อทำการนัดหมาย โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า “ต้องการปรึกษาเรื่องการจัดฟัน”
ในช่วง 1-2 วันแรก อาจมีเลือดซึมปนกับน้ำลายได้ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเลือดไหลออกมาเยอะตลอดเวลาและไม่หยุด ควรกลับมาพบทันตแพทย์ทันที
โดยทั่วไปอาการปวดและบวมจะมากที่สุดในช่วง 2-3 วันแรก และจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ หากปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด อาการจะดีขึ้นเร็วมาก
หากไม่มีอาการปวดรุนแรงหรือมีกลิ่นเหม็น คราบขาวๆ ที่เห็นมักจะเป็นเนื้อเยื่อที่ร่างกายกำลังสร้างขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมแผล ไม่ใช่หนองแต่ถ้าไม่แน่ใจ สามารถถ่ายรูปส่งมาปรึกษา หรือกลับมาให้คุณหมอที่ iDentist Clinic ตรวจดูก่อนได้เลย
หากทานยาแก้ปวดตามที่ทันตแพทย์สั่งแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ควรรีบติดต่อกลับมาที่คลินิกทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะกระดูกเบ้าฟันอักเสบ (Dry Socket) ซึ่งต้องให้คุณหมอช่วยดูแล
โดยปกติอาการปวดจะค่อยๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังผ่านไป 48-72 ชั่วโมง (2-3 วัน) และจะหายเป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์
หากไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง สามารถทานยาพาราเซตามอลตามขนาดที่แนะนำข้างฉลากได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือการทานยาตามที่ทันตแพทย์ของ iDentist Clinic จัดให้ เพราะจะเหมาะสมกับสภาวะร่างกายและประวัติสุขภาพของคุณมากที่สุด
จำเป็น ฟันคุดที่ไม่ปวด ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีปัญหาในอนาคต การปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิด “ระเบิดเวลา” เช่น ทำให้ฟันกรามซี่ข้างๆ ผุลึกจนต้องรักษารากฟัน หรือเกิดถุงน้ำทำลายกระดูกขากรรไกรได้ การนำออกตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนที่ยังไม่มีอาการ จะทำให้แผลหายเร็วกว่าและผลข้างเคียงน้อยกว่า
ระหว่างทำไม่เจ็บทั้งคู่ เพราะมีฤทธิ์ของยาชา แต่หลังผ่าฟันคุดอาจมีอาการปวดและบวมได้มากกว่าการถอนแบบปกติ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่มีการเปิดเหงือกและอาจมีการกรอกระดูก แต่ก็สามารถจัดการได้ด้วยยาแก้ปวดและการประคบเย็นตามที่ทันตแพทย์แนะนำ
ช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดคือ 18-25 ปี เพราะเป็นช่วงที่รากฟันยังเจริญไม่เต็มที่ ทำให้การผ่าตัดทำได้ง่ายกว่า กระดูกมีความยืดหยุ่นสูง และร่างกายสามารถฟื้นฟูรักษาแผลได้รวดเร็วที่สุด
โดยทั่วไปแนะนำให้หลีกเลี่ยงอย่างน้อย 3-5 วันแรก หลังการถอนฟัน หรือจนกว่าจะรู้สึกว่าแผลเริ่มดีขึ้น ไม่เจ็บแล้ว หลังจากนั้นสามารถค่อยๆ กลับมาทานอาหารที่นิ่มขึ้นแต่ยังไม่แข็งมากได้ และกลับสู่การทานอาหารปกติได้เมื่อแผลปิดสนิทดีแล้ว
แนะนำให้ทานอาหารที่ อ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย และไม่ร้อน เช่น โจ๊กหรือข้าวต้มที่พักให้เย็นแล้ว, โยเกิร์ต, ไอศกรีม, เจลลี่, ซุปฟักทอง, มันบด, สมูทตี้ (แต่ต้องใช้ช้อนตักทาน ห้ามใช้หลอดดูด)
หากเผลอทานไปเล็กน้อยและยังไม่มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดแผลมากขึ้น หรือบวมขึ้น ให้สังเกตอาการต่อไป และพยายามบ้วนปากเบาๆ ด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ (หลังจากถอนฟันไปแล้ว 24 ชั่วโมง) เพื่อทำความสะอาด แต่ถ้ามีอาการปวดรุนแรงขึ้น ควรรีบติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อตรวจเช็ก