ทำฟัน จัดฟัน นัดปรึกษาฟรี : @iDentistClinic

ปวดฟันแบบไหนต้องพบหมอ

ปวดฟันแบบไหนต้องพบหมอ

 

ปวดฟันแบบไหนต้องรีบพบทันตแพทย์? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

ปวดฟันแบบไหนต้องพบหมอ ปวดฟันเป็นอาการที่หลายคนเคยประสบพบเจอในชีวิตประจำวัน บางครั้งอาจเป็นแค่ปัญหาชั่วคราวที่ไม่รุนแรงมาก แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคฟันที่ต้องได้รับการรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ปัญหาลุกลาม และอาจถึงขั้นรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปาก และร่างกายโดยรวมได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรรู้จักสัญญาณเตือนของปัญหาฟันที่ต้องการการดูแลจากทันตแพทย์โดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาฟันลุกลามเป็นสิ่งที่ยากจะรักษาหรือส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

1. สาเหตุที่ทำให้ปวดฟัน
อาการปวดฟันเกิดจากหลายสาเหตุ และการเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดฟันจะช่วยให้เรารู้วิธีรับมือ และป้องกันไม่ให้ปัญหาฟันลุกลามไปมากกว่านี้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปวดฟันนั้นมีหลายอย่าง ได้แก่

✅ ฟันผุ
ฟันผุเกิดจากแบคทีเรียในช่องปากที่ทำการย่อยสลายสารอาหารที่ติดอยู่บนผิวฟัน โดยเฉพาะน้ำตาล ซึ่งจะทำให้ฟันถูกทำลาย และเกิดช่องว่างหรือโพรงในเนื้อฟัน หากปล่อยให้ฟันผุไปจนถึงชั้นที่ลึกที่สุดคือโพรงประสาทฟัน อาจทำให้เกิดอาการปวดฟันรุนแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสัมผัสหรือเมื่อกินอาหารร้อนหรือเย็น

✅ เหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์
อาการเหงือกอักเสบเกิดจากการสะสมของพลัคหรือคราบจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นจากการทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และไม่แปรงฟันอย่างเหมาะสม การสะสมของคราบจุลินทรีย์ทำให้เหงือกบวม แดง และเลือดออกง่าย ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจลุกลามเป็นโรคปริทันต์ที่ทำให้ฟันโยกหรือหลุดออกได้

✅ฟันคุด
ฟันคุดเป็นฟันที่ไม่ได้ขึ้นเต็มซี่ตามปกติ โดยอาจจะเอียงหรือลึกในเนื้อเหงือก ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ซึ่งฟันคุดสามารถดันฟันข้างเคียงทำให้เกิดอาการปวด และติดเชื้อได้ โดยเฉพาะในวัยรุ่นหรือผู้ที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน

✅ฟันแตกหรือร้าว
ฟันที่มีการแตกหรือร้าวอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือปวดจี๊ดๆ เมื่อโดนลมเย็นหรืออาหารร้อน ซึ่งสามารถเกิดได้จากการกัดหรือเคี้ยวของแข็งหรือการได้รับการกระแทกโดยไม่ตั้งใจ หากมีอาการนี้ ควรเข้าพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเสียหายมากขึ้น

✅ โพรงประสาทฟันอักเสบ
หากโพรงประสาทฟันเกิดการอักเสบ เช่น จากการติดเชื้อ อาการปวดฟันจะรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาหรือวิธีการอื่นๆ การรักษาอาจต้องใช้การรักษารากฟันเพื่อบรรเทาอาการปวด และแก้ไขปัญหาฟันที่มีการติดเชื้อ

✅ ไซนัสอักเสบ
บางครั้งอาการปวดฟันอาจเกิดจากการอักเสบของไซนัส โดยเฉพาะในบริเวณฟันบน ซึ่งการอักเสบในบริเวณนี้สามารถทำให้เกิดอาการปวดฟันที่คล้ายกับฟันผุหรือฟันคุดได้

 

2. สัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบทันตแพทย์ทันที

หากคุณมีอาการปวดฟันตามที่กล่าวถึงข้างต้น อาจจะไม่ใช่แค่ปัญหาฟันทั่วไป และมีความเป็นไปได้ที่มันจะลุกลามไปเป็นปัญหาที่รุนแรง และต้องได้รับการรักษาทันที ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัย และการรักษาอย่างเหมาะสม

⚠️ ปวดฟันรุนแรง
อาการปวดฟันที่รุนแรง เช่น การปวดแบบจี๊ดๆ หรือปวดตุบๆ ตลอดเวลา อาจบ่งบอกถึงฟันที่มีการติดเชื้อหรือมีโพรงประสาทฟันที่อักเสบ หากมีอาการนี้ควรเข้าพบทันตแพทย์ทันที

⚠️ ปวดฟันจนกินข้าวหรือนอนหลับไม่ได้
หากอาการปวดฟันทำให้คุณไม่สามารถทานอาหารหรือทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ อาจหมายความว่าฟันคุณมีปัญหาที่ร้ายแรง เช่น ฟันผุจนถึงโพรงประสาทฟัน หรือการติดเชื้อรุนแรง ควรพบทันตแพทย์โดยด่วน

⚠️ เหงือกบวม มีหนอง หรือเลือดออกง่าย
อาการเหงือกบวมที่มีหนองหรือเลือดออกง่ายอาจบ่งบอกถึงการมีโรคเหงือกอักเสบขั้นรุนแรงหรือโรคปริทันต์ ควรพบทันตแพทย์เพื่อการรักษาโดยด่วน

⚠️ ปวดฟัน และมีไข้สูง
อาการปวดฟันร่วมกับไข้สูงอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อที่ลุกลามหรือการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นอาการที่ต้องได้รับการรักษาทันที

⚠️ ฟันโยกหรือหลุดออกเอง
ฟันที่โยกหรือหลุดออกเองอาจเป็นสัญญาณของโรคปริทันต์ที่มีการลุกลามถึงกระดูกขากรรไกร ควรพบทันตแพทย์เพื่อรักษา และป้องกันไม่ให้ฟันหลุดไปมากกว่านี้

⚠️ ปวดร้าวไปถึงหูหรือศีรษะ

 

อาการปวดฟันที่ร้าวไปถึงหูหรือศีรษะอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อขากรรไกรหรือฟันคุด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม

3. การดูแลเบื้องต้นเมื่อปวดฟัน

หากคุณมีอาการปวดฟัน และยังไม่สามารถพบทันตแพทย์ได้ทันที มีบางวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้บ้างในเบื้องต้น

✔️ใช้น้ำเกลืออุ่นบ้วนปาก
การบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นสามารถช่วยลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อในช่องปากได้

✔️ใช้น้ำแข็งประคบ
การประคบด้วยน้ำแข็งที่บริเวณแก้มสามารถช่วยลดอาการปวด และบวมจากการติดเชื้อหรือฟันผุได้

✔️ทานยาแก้ปวด
การทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน (ควรปรึกษาเภสัชกร) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ในระหว่างรอการรักษา

✔️หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการปวด
หลีกเลี่ยงอาหารร้อน เย็น หรือหวานจัดที่อาจกระตุ้นอาการปวดฟัน

4. ป้องกันไม่ให้ปวดฟันในอนาคต

เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาฟันเกิดขึ้นอีกในอนาคต เราควรดูแลฟัน และช่องปากให้ดีตั้งแต่ตอนนี้

💡 แปรงฟันให้ถูกวิธี
แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ และแปรงฟันให้ทั่วถึง

💡 ใช้ไหมขัดฟัน
การใช้ไหมขัดฟันช่วยขจัดคราบอาหารที่ติดอยู่ระหว่างฟัน และช่วยป้องกันฟันผุ

💡 หลีกเลี่ยงอาหารหวาน และน้ำอัดลม
ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารหวานหรือดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งสามารถทำให้ฟันผุได้

💡 พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
การไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอทุก 6 เดือน จะช่วยให้คุณสามารถป้องกันปัญหาฟันในอนาคตได้

สรุป
อาการปวดฟันเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณมีอาการปวดฟันที่รุนแรง หรือมีสัญญาณอื่นๆ เช่น เหงือกบวม มีหนอง หรือปวดร่วมกับไข้ ควรรีบพบทันตแพทย์โดยเร็วเพื่อป้องกันปัญหาฟันที่ลุกลามเป็นอันตรายได้ การดูแลช่องปากอย่างเหมาะสม และการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำจะช่วยให้คุณมีฟันที่แข็งแรง และสุขภาพช่องปากที่ดีในระยะยาว ✨